6 แนวคิดการออกแบบ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งบรรจุภัณฑ์

รู้ไหมว่า? ในปี 2566 TTB Analytics คาดการณ์ว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์ไทยจะเติบโตถึง 4.0% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 6.69 แสนล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจบรรจุภัณฑ์ทุกราย แต่ทั้งนี้ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะเมื่อความต้องการมีเพิ่มมากขึ้น วัตถุดิบในการผลิตก็มีโอกาสที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ได้อย่างยั่งยืน ผู้ประกอบการจึงจำเป็นจะต้องปรับตัวเพื่อสร้างความคุ้มค่าให้กับการลงทุน ด้วยการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับการใช้งาน และยังต้องออกแบบให้กลายเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งที่ช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดส่ง แต่แนวทางในการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาดในยุคปัจจุบันจะเป็นอย่างไร และควรนำตัวช่วยประเภทไหนเข้ามาปรับใช้ในธุรกิจ มาหาคำตอบไปพร้อมกัน
การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งอย่างประหยัดและใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ผู้ประกอบการในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการจะสร้างความแตกต่างให้แก่ผลิตภัณฑ์ของตนเอง ควรให้ความสำคัญในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งที่มีความประหยัด และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นแนวทางในการออกแบบที่ตอบโจทย์กับตลาดในปัจจุบัน อีกทั้งยังจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนด้วย
โดยผู้ประกอบการสามารถนำ 6 แนวคิดด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ ไปต่อยอดเพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ ดังนี้
ยึดหลักการออกแบบ เพื่อลดส่วนประกอบที่เกินความจำเป็นในการทำบรรจุภัณฑ์
การจะลดต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตบรรจุภัณฑ์แต่ละชิ้นได้ ผู้ประกอบการควรใช้วิธีการออกแบบโดยลดส่วนประกอบที่ไม่จำเป็นของบรรจุภัณฑ์ออกไปซึ่งวิธีนี้ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้แล้ว ยังจะช่วยลดปริมาณขยะได้อีกด้วย โดยมีแนวทางในการปฏิบัติ คือ
- ลดการทำบรรจุภัณฑ์ที่ซับซ้อน ถ้าออกแบบเป็นกล่องกระดาษ ก็ไม่จำเป็นต้องมีซองพลาสติกอยู่ชั้นในอีก
- หากออกแบบบรรจุภัณฑ์ในลักษณะที่เป็นหลอด ควรออกแบบให้สามารถตั้งโชว์ได้ โดยไม่ต้องใส่ในกล่องกระดาษชั้นนอกอีก เช่น หลอดครีม หลอดยาสีฟัน
- ลดการตกแต่งบรรจุภัณฑ์เกินความจำเป็น เช่น หุ้มด้วยฟิล์ม ติดสติกเกอร์บริเวณจุดสำหรับเปิด หรือหุ้มพลาสติกบริเวณจุดเปิด
- ลดการใช้ถาดพลาสติกรองในกล่องบรรจุภัณฑ์
- ลดการตกแต่งบรรจุภัณฑ์เกินความจำเป็น เช่น โบว์ เชือก ป้ายห้อยข้าง รวมถึงสติกเกอร์
ออกแบบให้บรรจุภัณฑ์มีน้ำหนักเบาหรือใช้วัสดุให้น้อยที่สุด
อีกหนึ่งการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งบรรจุภัณฑ์ และลดปริมาณวัสดุที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ให้แก่ผู้ประกอบการ คือการออกแบบให้บรรจุภัณฑ์มีน้ำหนักเบาหรือใช้วัสดุน้อย โดยมีแนวทางในการปฏิบัติ คือ
- ลดความหนาของบรรจุภัณฑ์ลง ซึ่งความหนาของพลาสติกที่ใช้ในปัจจุบันสามารถลดความหนาลงได้มากถึง 40% เช่น ถ้วยพลาสติก ขวดพลาสติกบรรจุนม หรือฝาพลาสติกปิดกระป๋อง และเมื่อพลาสติกเบาลง ก็จะช่วยประหยัดพลังงานในการขนส่งบรรจุภัณฑ์ได้อีกด้วย
- ลดความสูงของกล่องบรรจุภัณฑ์ลง แต่ยังสามารถบรรจุสินค้าได้พอดี ไม่มีที่ว่าง เช่น ความสูง 225 มม. ลดลงเป็น 220 มม. ซึ่งจะช่วยลดการใช้วัสดุลงไปได้ถึง 9% เลยทีเดียว
- ออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ด้วยการลดองค์ประกอบด้านข้างของบรรจุภัณฑ์ด้านใดด้านหนึ่ง ออกไป ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการลดวัสดุ แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นสินค้าที่อยู่ด้านใน ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้แก่สินค้าได้มากยิ่งขึ้น
- ออกแบบกระป๋องบรรจุภัณฑ์ให้บางลง และมีน้ำหนักเบา เพื่อช่วยลดพลังงานในการขนส่ง
- เปลี่ยนชนิดของวัสดุที่นำมาผลิตบรรจุภัณฑ์ เพื่อลดน้ำหนัก เช่น เปลี่ยนจากขวดแก้ว กระป๋อง มาเป็นพลาสติก เพื่อช่วยลดพลังงานในการขนส่งบรรจุภัณฑ์
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกที่ใช้ในการขนส่ง ให้มีอัตราส่วนความยาวต่อความกว้างต่อความสูงเป็น 2:1:2 ซึ่งเป็นรูปแบบกล่องที่ประหยัดกระดาษในการทำกล่องมากที่สุด

ออกแบบเพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และลดพลังงานในกระบวนการผลิต ทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนในการผลิตได้ โดยมีแนวทางในการปฏิบัติ คือ
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์แก้วที่สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง เช่น ขวดน้ำดื่ม ขวดน้ำอัดลม หรือขวดน้ำโซดา ซึ่งการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ลักษณะนี้ จำเป็นต้องมีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งจากแหล่งผลิตบรรจุภัณฑ์ ไปส่งยังแหล่งบรรจุสินค้า ก่อนกระจายไปยังผู้บริโภค รวมถึงต้องมีการบริการจัดเก็บรวบรวมขวดแก้วที่ใช้แล้ว กลับมาให้ผู้ผลิตสินค้าสามารถนำไปใช้ซ้ำได้อย่างสะดวกด้วย
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งที่สามารถทำการจัดส่งได้อย่างสะดวก เช่น กล่องกระดาษ ที่มีความทนทาน สามารถนำกลับมาใช้งานซ้ำได้
ออกแบบเพื่อให้ใช้ทดแทนกันได้
การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สามารถนำชิ้นส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว มาใช้ทดแทนกับบรรจุภัณฑ์ใหม่ได้ ทำให้สามารถช่วยลดปริมาณขยะได้เป็นอย่างดี โดยมีแนวทางในการปฏิบัติ คือ
- ออกแบบให้บรรจุภัณฑ์ทุกรุ่น มีโครงสร้างหลักที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด เพื่อนำส่วนประกอบมาใช้ทดแทนกันได้ เช่น บรรจุภัณฑ์ประเภทขวดหลายขนาด ที่ใช้ฝาขวดชนิดเดียวกัน หากฝาชำรุด ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ก็สามารถใช้ฝาจากขวดที่ใช้แล้วทดแทนได้
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถแยกชิ้นส่วนได้ง่าย เพื่อให้ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์สามารถนำชิ้นส่วนของบรรจุภัณฑ์เก่ามาทดแทนชิ้นส่วนที่ชำรุดได้
ออกแบบเพื่อให้นำกลับมารีไซเคิล
หนึ่งในแนวทางการออกแบบที่แสดงถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม คือการออกแบบให้สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ ด้วยการแยกเอาสารบางตัวจากบรรจุภัณฑ์เก่า นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่ ซึ่งการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบนี้ ผู้ประกอบการต้องมีบริการขนส่งบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้ว ให้สามารถนำกลับมายังแหล่งผลิต โดยมีแนวทางการปฏิบัติ คือ
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์แก้ว ที่สามารถนำมากลับมารีไซเคิลและผลิตเป็นขวดใหม่ได้
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์พลาสติกโดยไม่เติมสี เพื่อที่จะสามารถนำไปรีไซเคิลได้
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์กระป๋องโลหะ โดยเลือกใช้โลหะชนิดเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปรีไซเคิล
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษ ที่ไม่มีการเคลือบสารต่าง ๆ หรือไม่เคลือบพลาสติก รวมถึงเปลวอะลูมิเนียมที่ไม่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้
ออกแบบเพื่อให้สามารถกำจัดทิ้งได้อย่างปลอดภัย
สำหรับการออกแบบเพื่อให้สามารถกำจัดทิ้งได้อย่างปลอดภัย เป็นอีกแนวทางในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้งาน ทั้งยังจะช่วยสร้างความแตกต่างให้แก่บรรจุภัณฑ์ โดยมีแนวทางในการปฏิบัติ คือ
- ออกแบบโดยการใช้วัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ด้วยตัวเอง หรือวัสดุที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ
- ออกแบบโดยเลือกใช้กระดาษให้มากที่สุด เนื่องจากกระดาษสามารถกำจัดง่าย และนำมารีไซเคิลได้
3 โซลูชันโลจิสติกส์ ปลดล็อกธุรกิจบรรจุภัณฑ์
นอกจากการปรับแนวคิดในการออกแบบบรรจุภัณฑ์แล้ว อีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่สามารถช่วยลดต้นทุน และทำให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโตได้อย่างยั่งยืน คือการมีพาร์ทเนอร์ที่มาพร้อมกับบริการโลจิสติกส์เพื่อการขนส่งบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีโซลูชันในการขนส่ง ดังนี้
บริการขนส่งวัตถุดิบแบบครบวงจร
บริการรถขนส่งสินค้าที่สามารถขนส่งวัตถุดิบมายังแหล่งผลิตได้อย่างรวดเร็ว ตรงเวลา ป้องกันปัญหาขาดวัตถุดิบในการผลิต รวมไปถึงสามารถนำบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตแล้ว ไปส่งให้ถึงมือผู้ประกอบการที่ต้องการบรรจุภัณฑ์ได้อย่างทันเวลา
บริการคลังสินค้า
บริการคลังสินค้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ แยกชนิดและประเภทของบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการจัดการคำสั่งซื้อต่าง ๆ เพื่อการขนส่งบรรจุภัณฑ์ไปยังลูกค้าได้ถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งจะสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ประกอบการได้อีกด้วย
บริการนำเข้า-ส่งออก และงานพิธีการศุลกากรต่าง ๆ
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้าวัสดุในการผลิตจากต่างประเทศ หรือต้องการส่งบรรจุภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ จำเป็นต้องมีผู้ให้บริการด้านการขนส่งโลจิสติกส์ที่มีประสบการณ์ในการนำเข้าและส่งออก รวมถึงมีความเชี่ยวชาญงานพิธีการศุลกากรต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น
ทั้งหมดนี้ คงช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์กันไปแล้ว และหากผู้ประกอบการต้องการหาบริการขนส่งโลจิสติกส์ ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ธุรกิจของตน SCG Logistics เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์และการขนส่งบรรจุภัณฑ์ ที่มีบริการสำหรับกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่การขนส่งสินค้า การบริหารคลังสินค้า ไปจนถึงการนำเข้าและส่งออกสินค้า เพื่อช่วยลดต้นทุนในการบริหารจัด
การด้านโลจิสติกส์ ส่งเสริมธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
สอบถามรายละเอียดบริการ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-710-4000 / 02-586-1979 และช่องทางไลน์ LINE : @SCGJWD
ที่มา :
www.prachachat.net
www.tipmse.fti.or.th