ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสินค้าทางการเกษตรที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเฉพาะ ‘ผลไม้ส่งออกของไทย’ ซึ่งเป็นสินค้าทางการเกษตรที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และผู้ประกอบการผ่านการขายผลผลิตทั้งในประเทศและการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งสถิติจากศุลกากรประเทศจีนในปี 2566 แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีนที่ใหญ่ที่สุด มีมูลค่ากว่า 7,056 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดถึง 37%
จากข้อมูลข้างต้น นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกผลไม้ ที่จะขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการวางแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างกำไรในการดำเนินธุรกิจ แล้วผู้ประกอบการจะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการขยายธุรกิจส่งผลไม้ไปต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จกว่านี้ได้อย่างไร เรามีกลยุทธ์สำคัญมาแนะนำ
ผลไม้ส่งออกของไทย ครองใจตลาดโลก ทำเงินสูงถึง 183,823 ล้านบาท
จากข้อมูลสถานการณ์การส่งออกของประเทศไทยในปี 2567 จากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ พบว่าผลไม้เป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับ 1 ของไทย รวมมูลค่าการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแบบแห้ง สูงกว่า 6,510.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 231,401 ล้านบาท และผลไม้สดมีมูลค่าสูงถึง 5,149.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 183,823 ล้านบาท โดยผลไม้สดที่มีอัตราการส่งออกสูง ได้แก่
- อันดับ 1 ทุเรียน ปริมาณ 859,183 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 72.9% ของปริมาณการส่งออกผลไม้ทั้งหมดของไทย ตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน (97.4%) ฮ่องกง (1.3%) และเกาหลีใต้ (0.3%)
- อันดับ 2 ลำไย ปริมาณ 527,927 ตัน ตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน (73.1%) อินโดนีเซีย (14.2%) และเวียดนาม (6.7%)
- อันดับ 3 มังคุด ปริมาณ 284,860 ตัน ตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน (91.0%) เวียดนาม (4.8%) และเกาหลีใต้ (1.6%)
- อันดับ 4 มะพร้าวอ่อน ปริมาณ 257,428 ตัน ตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน (82.7%) สหรัฐอเมริกา (7.1%) และฮ่องกง (2.1%)
- อันดับ 5 มะม่วง ปริมาณ 106,753 ตัน ตลาดสำคัญ ได้แก่ เกาหลีใต้ (61.8%) มาเลเซีย (25.6%) และญี่ปุ่น (2.9%)
ทิศทางธุรกิจส่งออกผลไม้สด แช่เย็น และแช่แข็งของไทย
สนค. คาดการณ์ว่า ในปี 2568 มูลค่าการส่งออกโดยรวมของไทยจะขยายตัวขึ้นร้อยละ 2-3 คิดเป็น 306,000-309,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปัจจัยหนุนนำที่สำคัญ 4 ประการ คือ การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ความต้องการสินค้าการเกษตรและอาหาร การเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI และประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
นอกจากนี้ ความต้องการบริโภคผลไม้ไทยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับระบบขนส่งต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งผ่านรถไฟความเร็วสูง การขนส่งข้ามชายแดน หรือระบบโลจิสติกส์อื่น ๆ ส่งผลให้ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแบบแห้ง ยังคงเป็นสินค้าเกษตรที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
อีกหนึ่งปัจจัยที่เปรียบเหมือนโอกาสทองของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกผลไม้ในปี 2568-2573 คือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้การทำการเกษตรมีความแม่นยำและได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ลดผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวน และใช้เชื้อเพลิงจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
อยากเริ่มต้นธุรกิจส่งออกผลไม้ต้องทำอย่างไร ?
สำหรับผู้ที่เล็งเห็นโอกาสจากสถิติที่เรากล่าวถึงไปข้างต้น และอยากเริ่มต้นธุรกิจส่งออกผลไม้ให้ประสบความสำเร็จตั้งแต่วันแรก คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่า ไม่ใช่แค่มีผลไม้คุณภาพเพียงอย่างเดียวแล้วจะขายได้ แต่ต้องมีระบบการคิดแบบมืออาชีพ เพื่อให้ธุรกิจไม่ใช่แค่อยู่ได้ แต่ต้องโดดเด่นในระยะยาว
- ศึกษาตลาดต่างประเทศให้ลึกก่อนลงทุน รู้ว่าผลไม้ไทยชนิดไหนได้รับความนิยมในประเทศปลายทาง รวมถึงเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค เทรนด์สุขภาพ กฎระเบียบการนำเข้า และฤดูกาลที่เหมาะสม
- ตรวจสอบข้อกำหนดการนำเข้าของประเทศปลายทาง เช่น ต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate) ต้องส่งออกผ่านโรงคัดบรรจุที่ได้มาตรฐาน GMP/HACCP
- คัดเลือกแหล่งผลไม้ที่มีคุณภาพและความสม่ำเสมอ สามารถส่งผลไม้ได้ตามฤดูกาล และรักษาคุณภาพ ขนาด รสชาติให้ได้มาตรฐานทุกล็อต
- เตรียมเอกสารและจดทะเบียนเป็นผู้ส่งออกให้ถูกต้อง รวมทั้งขอรหัส HS CODE และยื่นขอใบรับรองต่าง ๆ ที่จำเป็น
- วางระบบบรรจุภัณฑ์และการคัดแยกสินค้า ใช้กล่องและวัสดุกันกระแทกที่เหมาะสม โดยเฉพาะผลไม้ที่ช้ำง่าย
- เลือกระบบโลจิสติกส์และบริษัทชิปปิ้งส่งออกที่มีบริการเหมาะสมกับชนิดของผลไม้ เช่น ขนส่งควบคุมอุณหภูมิ ขนส่งด่วน
- สร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำในตลาดต่างประเทศ ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ ฉลาก โลโก้ และเรื่องราวของสินค้า ทำให้ลูกค้าจดจำ นำไปสู่การซื้อซ้ำ
- จัดตั้งทีมเจรจา ทีมดูแลลูกค้า รับออร์เดอร์ ติดตามสถานะขนส่ง รวมถึงให้บริการหลังการขายในรูปแบบ B2B สำหรับลูกค้าต่างประเทศ
- วางแผนการเงิน และบริหารความเสี่ยงให้ดี เพราะธุรกิจส่งออกมีความท้าทายด้านการเงินหลายอย่าง เช่น เงินทุนหมุนเวียน ค่าขนส่ง และอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน
- จดบันทึกข้อมูลการเคลม ความเสียหายจากขนส่ง ระยะเวลาศุลกากร รวมถึงเสียงตอบรับจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
6 กลยุทธ์ยกระดับธุรกิจส่งออกผลไม้ไทยให้โตระดับโลก
นอกเหนือจากการเริ่มต้นธุรกิจส่งออกผลไม้อย่างถูกวิธีแล้ว สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการวางกลยุทธ์อย่างรัดกุม เพื่อต่อยอดและผลักดันให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้า อยู่เหนือคู่แข่ง และยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในตลาดโลก ด้วย 6 แนวทางสำคัญเหล่านี้
1. การควบคุมคุณภาพความสดของสินค้า
การเลือกใช้บริษัทโลจิสติกส์ที่มีความเชี่ยวชาญในการขนส่งควบคุมอุณหภูมิเป็นสิ่งสำคัญในการเก็บรักษาความสดใหม่ คุณประโยชน์ และรสชาติของผลไม้ จึงต้องใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การบรรจุสินค้า การลำเลียงและการขนส่งด้วยการเลือกใช้บริการรถขนส่งและคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตรฐาน ใส่ใจในเรื่องความสะอาด มีการรับรองจากสถาบันต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าปลายทางมั่นใจในคุณภาพของสินค้าที่ได้รับ
2. ระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อถือได้
มีระบบโลจิสติกส์ที่น่าเชื่อถือและทันสมัย ด้วยการนำเทคโนโลยีเชื่อมต่อข้อมูลกับสถานะการขนส่งตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง สามารถติดตามตำแหน่งของสินค้าในทุกขั้นตอนของการจัดส่ง ช่วยลดความกังวลว่าผลไม้จะได้รับความเสียหายหรือสูญหายระหว่างการขนส่งต่างประเทศ รวมถึงมีการจัดการข้อมูลสินค้า เอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับการส่งออกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรเลือกบริษัทโลจิสติกส์ที่มีประสบการณ์ มีรถให้บริการหลากหลายประเภท พร้อมคลังสินค้าทั่วไปหรือคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ และศูนย์กระจายสินค้า ทำให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าปลายทางได้สมบูรณ์แบบ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการ และกรมศุลกากร เพื่อความสะดวกในการดำเนินงานทุกขั้นตอน
3. พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม
บรรจุภัณฑ์ที่ดี ไม่เพียงแต่สร้างความน่าสนใจให้ผลไม้ส่งออกของไทย แต่ยังช่วยสร้างมูลค่าและรักษาคุณภาพของผลไม้ ทั้งยังมีผลต่อกระบวนการขนส่งและการเก็บรักษา ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องให้ความสำคัญตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุ การออกแบบขนาดให้เหมาะสม เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ยังมีผลต่อน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสม และทำให้การใช้พื้นที่ในพาหนะขนส่งเป็นไปอย่างคุ้มค่ามากที่สุดด้วย
4. คู่ค้า (Partner) ที่มีความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่ครอบคลุม
การดำเนินธุรกิจส่งออกผลไม้ให้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทั้งผู้ผลิตผลไม้คุณภาพ โรงคัดบรรจุ ผู้เชี่ยวชาญด้านเอกสารส่งออก พันธมิตรด้านการตลาดในต่างประเทศ รวมถึงผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่สามารถเชื่อมโยงการขนส่งและจัดเก็บสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการมีพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจตลาดท้องถิ่นและข้อบังคับของแต่ละประเทศ จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
5. สร้างความประทับใจลูกค้าจากการให้บริการ
การให้ความสำคัญกับการตอบคำถามของลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เน้นการตอบกลับที่รวดเร็ว คำตอบที่ชัดเจน และการจัดการข้อร้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความพึงพอใจของลูกค้า และอย่าลืมสำรวจความพึงพอใจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงการให้บริการลูกค้า หรือจะทำโปรโมชันพิเศษและระบบสมาชิกเพื่อรักษาลูกค้าเก่า สร้างประสบการณ์ดี ๆ และการมีส่วนร่วมที่ต่อเนื่องกับลูกค้า เช่น การส่งคำอวยพรในช่วงวันเทศกาลสำคัญ ก็สามารถช่วยยกระดับการทำธุรกิจส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศได้เช่นกัน
6. เลือกผู้ให้บริการขนส่งสินค้า One Stop Service
การเลือกบริษัทส่งออกต่างประเทศถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจส่งออกทุกชนิด ทั้งในแง่ของความน่าเชื่อถือ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพที่จะช่วยสร้างกำไรให้กับธุรกิจ ต้องเลือกบริษัทส่งออกต่างประเทศที่เชื่อถือได้ มีบริการแบบ One Stop Service ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า มีบริการคลังสินค้า และมีความเชี่ยวชาญบริการงานส่งออกสินค้าช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากต่าง ๆ เช่น การเตรียมเอกสาร การยื่นขออนุญาต การดำเนินพิธีการกรมศุลกากร การขนส่งสินค้า ที่ SCGJWD เราพร้อมให้บริการทุกเรื่องงานโลจิสติกส์อย่างรอบด้าน โดยเจ้าหน้าที่มืออาชีพประสบการณ์สูง ครอบคลุมในหลายพื้นที่ทั่วโลก
บริการนำเข้า-ส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศจาก SCGJWD
SCGJWD คือผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบครบวงจร รองรับทุกกลุ่มอุตสาหกรรมด้วยประสบการณ์การให้บริการกว่า 40 ปี บริษัทโลจิสติกส์ที่ให้บริการในเวียดนาม ลาว พม่า อินโดนีเซีย จีน และประเทศอื่น ๆ บุคลากรมีความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งและเคลียร์เอกสารศุลกากร ช่วยตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการบริการที่ครอบคลุม รวดเร็ว ถูกต้องและคุ้มค่า โดยบริการต่าง ๆ ของ SCGJWD มีดังนี้
- บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเครื่องบิน (Air Transport)
- บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ (Sea Transport)
- บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางราง (Rail Transport) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ประเทศลาว ประเทศจีน
- บริการขนส่งข้ามแดน (Cross Border Transport) สำหรับกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม รวมไปถึงมาเลเซีย และจีนตอนใต้
- การจัดทำเอกสารสำหรับการนำเข้าส่งออก (Document Automation)
- การดำเนินพิธีการศุลกากรและการให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องสิทธิประโยชน์แก่ผู้นำเข้าส่งออก
- บริการให้คำปรึกษาระบบงานด้านโลจิสติกส์
สนใจบริการขนส่งต่างประเทศ ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-710-4000 หรือ 02-586-1979 และช่องทางไลน์ LINE : @SCGJWD
ข้อมูลอ้างอิง
- พาณิชย์เผยผลไม้ไทยขึ้นแท่นสินค้าเกษตรส่งออกสูงสุด. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน จาก https://www.tpso.go.th/news/2503-0000000006
- วิเคราะห์ ทิศทางการส่งออกและ ตลาดส่งออก สินค้าของไทย ปี 68. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน จาก https://ecogreenlite.com/2025/09/25/others/general-53/