กระบวนการบริการ Fulfillment

6 ข้อดีของการ Outsource ผู้ให้บริการคลัง Fulfillment

การเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการออเดอร์ของลูกค้า และการจัดการคลังสินค้าเป็นเรื่องที่สำคัญมากต่อธุรกิจ e-commerce

การจัดการออเดอร์ของลูกค้าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก ซึ่งความสำเร็จของธุรกิจ e-commerce ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการบริหารจัดการออเดอร์ของลูกค้า เพราะเป็นกระบวนการที่มีความท้าทาย ใช้แรงงานจำนวนมาก และเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลา ต้องอาศัยทีมงานที่มีทักษะแตกต่างกัน

แล้ว…เราจะจัดการออเดอร์ของลูกค้าอย่างถูกต้องได้อย่างไร

การ Outsource ผู้ให้บริการ Fulfillment เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้คุณมั่นใจได้ว่า ขั้นตอนที่สำคัญแบบนี้จะไม่มีความผิดพลาด และหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่ก่อให้เกิดต้นทุนที่อาจะเกิดขึ้นในขั้นตอนนี้ได้ โดยในบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจบทบาทของผู้ให้บริการ Fulfillment รวมทั้งข้อดีของการใช้ Outsource เพื่อยกระดับธุรกิจ e-commerce ของคุณ

ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย!

การ Outsource ผู้ให้บริการ Fulfillment คืออะไร ?

ต้องเริ่มตั้งแต่คำว่า บริการ Fulfillment เป็นกระบวนการในการจัดการออเดอร์ของลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าผ่านร้านค้าจากช่องทางการขายต่าง ๆ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ โดยในกระบวนการ Fulfillment จะประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ๆ 3 กิจกรรม คือ 1. การจัดการสินค้าคงคลัง 2. การหยิบและแพ็คสินค้าตามคำสั่งซื้อ และ 3. การจัดส่งสินค้า ซึ่งการ Outsource ผู้ให้บริการ Fulfillment จะช่วยให้คุณไม่ต้องจัดการงานหลังบ้าน แต่สามารถโฟกัสกับการขยายธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การประชาสัมพันธ์ การวางแผนการขาย เป็นต้น

บริการ Fulfillment คือ บริการที่ผู้ให้บริการมีคลังสินค้า มีพนักงาน และมีระบบที่พร้อมสำหรับการจัดการออเดอร์ที่เข้ามาจากช่องทางการขายแบบ Omni-channel ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน ตัวแทนขาย หรือ ร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ และ สามารถแพ็คสินค้าตามคำสั่งซื้อ พร้อมจัดส่งไปยังปลายทางให้ลูกค้าของคุณได้เลย

ก่อนอื่น คุณควรจะตกลงกับผู้ให้บริการ Fulfillment เรื่องค่าจัดเก็บ ที่มักจะมีการคิดแบบ Flat Rate เป็นบาทต่อตารางเมตรต่อเดือน เมื่อตกลงเสร็จแล้ว ก็เชื่อมต่อร้านค้า e-commerce ของคุณเข้ากับระบบการจัดการสินค้าคงคลังของผู้ให้บริการ Fulfillment เพื่อให้กระบวนการภายในคลังสินค้า ทำได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว ซึ่งเมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทาง e-commerce ดังกล่าว คำสั่งซื้อจะวิ่งตรงไปหาผู้ให้บริการ Fulfillment เลย ทำให้สามารถแพ็คสินค้าตามคำสั่งซื้อ และ จัดส่งไปยังปลายทางที่ลูกค้าระบุได้อย่างรวดเร็ว โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมาคีย์ข้อมูลอะไรเลย

หน้าที่และประโยชน์ของผู้ให้บริการ Fulfillment

หน้าที่หลัก ๆ ของผู้ให้บริการ Fulfillment ประกอบด้วย

  • รับและจัดเก็บสินค้าคงคลังของลูกค้า
  • ตรวจสอบและติดตาม ปริมาณสินค้าคงคลังของลูกค้า
  • จัดเตรียมสินค้าให้พร้อมสำหรับคำสั่งซื้อ
  • หยิบ และแพ็คสินค้าตามคำสั่งซื้อ
  • ประสานงานกับผู้ให้บริการขนส่งในการจัดส่งสินค้า

จากหน้าที่ของผู้ให้บริการ Fulfillment ข้างต้น จะเห็นได้ว่า หากผู้ประกอบการใช้บริการ Fulfillment ย่อมจะได้รับความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ซึ่งหากสรุปประโยชน์หลัก ๆ หากเรา Outsource ผู้ให้บริการ Fulfillment ออกมา จะมีทั้งหมด 6 ข้อ ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงสัญญาเช่าระยะยาว

แน่นอนว่าการทำเอง คุณจะต้องทำสัญญาเช่าระยะยาว และมีภาระผูกพันทางการเงินอื่น ๆ ในการเช่าพื้นที่คลังสินค้าสำหรับสินค้า และยิ่งธุรกิจโตมากเท่าไหร่ คุณก็จะต้องเช่าพื้นที่คลังมากขึ้น หรือสร้างคลังใหม่ที่รองรับปริมาณสินค้าของคุณได้ ซึ่งทำให้ Overhead Cost พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ไหนจะยังค่าพนักงานที่จะต้องจ่ายในทุก ๆ เดือน ออเดอร์จะเยอะ จะน้อยก็ต้องจ่ายเท่าเดิม แต่การ Outsource จะช่วยประหยัดต้นทุนส่วนนี้ได้ เพราะคุณจะถูกคิดค่าใช้จ่ายตามที่คุณใช้เท่านั้น

2. ช่วยประหยัดต้นทุนการทำธุรกิจ

การทำ Backend Logistics นั้น ถือเป็นกระบวนการที่มีการใช้แรงงานปริมาณมาก โดยเฉพาะในการทำ e-commerce คุณอาจจะต้องเช่าพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับพนักงาน ค่าจ้าง ค่าฝึกอบรมต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์ที่ต้องซื้อสำหรับการทำงาน ซึ่งเป็นต้นทุนที่เป็น Fix Cost คุณจ่ายเท่าเดิม ไม่ว่ายอดขายคุณอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง

การ Outsource งานการจัดหาพนักงาน และการจ้างพนักงาน เป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการ Fulfillment ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถรักษาโครงสร้างธุรกิจของคุณ และ หลีกเลี่ยงความปวดหัวทั้งหมดที่จะมาพร้อมกับการจ้างและการจัดการพนักงานได้

3. มีเวลาโฟกัสการขยายธุรกิจ

การจัดการคำสั่งซื้อ เป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามาก ไหนจะต้องเดินไปหยิบสินค้า นำมาแพ็คแบบต่าง ๆ เพื่อจัดส่ง ซึ่งคุณอาจจะรู้สึกว่า ก็ไม่ได้ยากอะไร แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ธุรกิจคุณโตขึ้น ขั้นตอนนี้นี่แหละ ที่คุณมักอดหลับอดนอนเพื่อทำมัน เพราะเมื่อธุรกิจโตขึ้น หมายความว่าสินค้าจะเข้าออกคลังสินค้าเยอะและเร็วมาก ไหนจะออเดอร์ที่พุ่งมาจากช่องทางการขายที่หลากหลายในเวลาเดียวกัน ทำให้การจัดการคำสั่งซื้อนั้นยากขึ้นอย่างมาก นอกจากการแพ็คของส่งให้ทันแล้ว เมื่อจบวันต้องมานั่งนับสต็อกอีก การจะหาความสมดุลระหว่างการทำงาน และ การคิดกลยุทธ์เพื่อขยายธุรกิจนั้นจึงทำได้ยาก การ Outsource จะช่วยให้คุณมั่นใจว่า คำสั่งซื้อของลูกค้าจะถูกจัดการโดยมืออาชีพจริง ๆ และคุณเองก็จะมีเวลาในการคิดกลยุทธ์เพื่อขยายธุรกิจได้มากขึ้นด้วย

4. ช่วยจัดการกับความผันผวนของออเดอร์ในช่วง Seasonal ได้

สำหรับช่วง Low Season สินค้าของคุณที่มียอดขายลดลง หากคุณมีทีมจัดการออเดอร์ของตัวเอง แน่นอนว่า Fix Cost ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าพื้นที่ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คุณก็ต้องจ่ายเท่าเดิม ทำให้กำไรจากการขายสินค้าที่ลดลงแล้ว ยิ่งลดลงไปอีก ฉะนั้นหากคุณเลือก outsource ค่าใช้จ่ายในช่วง low season ของคุณก็จะลดน้อยลง เพราะผู้ให้บริการ Fulfillment จะคิดตามยอดขายที่เกิดขึ้นจริง ขายได้น้อยก็ไม่ต้องจ่ายแพง

5. ลดต้นทุนค่าขนส่ง

ค่าขนส่ง เป็นต้นทุนก้อนใหญ่ในการทำ e-commerce แถมยังเป็นขั้นตอนที่แบกความคาดหวังของลูกค้าไว้ ปัญหาการส่งผิด ส่งสลับ หรือ การส่งล่าช้า จะทำให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจ และ หยุดซื้อสินค้ากับเราไปได้ง่าย ๆ ฉะนั้น การ Outsource ผู้ให้บริการ Fulfillment จะช่วยให้คุณคลายกังวล ด้วยระบบการบริหารจัดการขนส่งที่มีคุณภาพ และออกแบบมาเป็นอย่างดี รวมถึงมีศูนย์กระจายตามจุดต่าง ๆ สามารถกระจายสินค้าไปยังลูกค้าปลายทางได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ให้บริการ Fulfillment มักจะมี Volume Base

6. มีเทคโนโลยีจัดการสินค้าคงคลังที่ดีกว่า

หากคุณขายสินค้าบน e-commerce มาสักพัก คุณจะรู้ได้เลยว่าขั้นตอนที่เหนื่อยและปวดหัวที่สุด ไม่ใช่การขาย หรือ การส่งสินค้า แต่เป็นการจัดการสินค้าคงคลังต่างหาก เพราะสต๊อกไม่ตรงกับออเดอร์ หากันวุ่นวายมากว่าเกิดจากตรงไหน แต่ผู้ให้บริการ Fulfillment จะมีระบบในการบริหารจัดการ และ ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสต๊อกจากช่องทางการขายหลาย ๆ แห่งเข้ากับคลังสินค้าออนไลน์แห่งเดียวกันได้ ทำให้คุณเห็น Status ของสินค้านั้น ๆ แบบ Real-Time และ ลดโอกาสสินค้าขาดสต๊อกได้ด้วย

จะเห็นว่าข้อดีของการ Outsource มีค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ใช่ว่าเห็นแบบนี้ทุกคนควร Outsource หมดนะครับ แอดมินยังรู้สึกว่า หากทำเองได้ มันก็เป็นเรื่องดีที่จะทำเองก่อน ไว้เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าการทำเองไม่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้ ตรงจุดนั้นต่างหาก ที่เป็นจุดที่คุณควรพิจารณาในการหา Outsource

สนใจบริการ Fulfillment คลังสินค้าแบบครบวงจร คลิก หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่ เบอร์ 02-710-4000 / 02-586-1979 และช่องทางไลน์ LINE : @SCGJWD

Service Recommended