การวางเเผนบริหารจัดการสินค้า

Logistics Outsourcing สำคัญอย่างไร ? รวม 7 เหตุผลที่ควรใช้

การบริหารจัดการโลจิสติกส์เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อความต่อเนื่องและประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) โดยเฉพาะในธุรกิจที่ต้องอาศัยความซับซ้อนด้านการจัดส่งสินค้า การจัดเก็บสินค้า หรือการควบคุมอุณหภูมิสินค้าระหว่างการจัดส่ง การเลือกใช้ผู้ให้บริการ Logistics Outsourcing ที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมบริการที่ครบวงจร จึงไม่ใช่เพียงการลดภาระงานภายในองค์กรเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในระยะยาวอีกด้วย 

ที่สำคัญ องค์กรที่เลือกใช้ Logistics Outsourcing อย่างเหมาะสม ยังจะสามารถลดต้นทุนให้คงที่ พร้อมกับเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับ Logistics Outsourcing ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และทำไมการจ้างบริษัทโลจิสติกส์ที่ให้บริการอย่างครบวงจรจึงคุ้มค่ากว่าการบริหารจัดการงานด้านโลจิสติกส์ด้วยตนเอง 


Logistics Outsourcing คืออะไร ?

Logistics Outsourcing คือการมอบหมายงานด้านโลจิสติกส์ เช่น การจัดเก็บสินค้า การบริหารคลัง การขนส่ง และการจัดการคำสั่งซื้อ ให้กับผู้ให้บริการภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยองค์กรสามารถเลือกใช้บริการเฉพาะบางส่วน หรือแบบครบวงจร (End-to-End) ได้ตามลักษณะของธุรกิจ


Logistics Outsourcing สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจที่ต้องจัดส่งสินค้า ?

ระบบโลจิสติกส์มีต้นทุนแฝงและความซับซ้อนสูง ทั้งด้านทรัพยากรมนุษย์ เทคโนโลยี และการควบคุมมาตรฐานบริการ และ การควบคุมอุบัติเหตุ หากองค์กรไม่มีโครงสร้างรองรับที่ชัดเจน อาจส่งผลต่อการส่งมอบสินค้า ความพึงพอใจของลูกค้า และภาพลักษณ์ของแบรนด์โดยตรง การให้ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์เข้ามาบริหารจัดการ จึงเป็นทางออกที่แม่นยำกว่าในเชิงกลยุทธ์


7 เหตุผล ทำไมต้องจ้างบริษัทโลจิสติกส์มากกว่าการทำเอง

แม้บางองค์กรจะเลือกบริหารจัดการงานด้านโลจิสติกส์ด้วยตนเองเพื่อควบคุมต้นทุน แต่ในความเป็นจริง การจ้างผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภายนอกกลับมีข้อได้เปรียบหลายด้าน ทั้งในเชิงประสิทธิภาพ ความเสี่ยง และความคล่องตัวทางธุรกิจ


1. ประสิทธิภาพของต้นทุน

การลงทุนในระบบโลจิสติกส์ เช่น รถขนส่ง พื้นที่คลังสินค้า และอุปกรณ์เฉพาะทาง เป็นต้นทุนมหาศาล การจ้างบริษัทโลจิสติกส์จะช่วยให้คุณสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนเอง อีกทั้งยังสามารถคาดการณ์ต้นทุนได้แม่นยำยิ่งขึ้น อีกทั้งบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมคุณภาพ และ เทคโนโลยีทางด้านโลจิสติกส์ ที่เราสามารถใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องลงทุนเอง ยิ่งทำให้เราสามารถติดตามผลการทำงาน และ วิเคราะห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และ ลดต้นทุนได้


2. ความรับผิดชอบ

แม้การมอบหมายงานด้านโลจิสติกส์ให้แก่บุคคลภายนอกจะดูเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่น แต่หากเลือกผู้ให้บริการที่มีมาตรฐานและประสบการณ์ การบริหารจัดการจะเป็นไปอย่างมีระบบ โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ ผู้ให้บริการที่ดียังจะยึดตาม SLA (Service Level Agreement) ที่ตกลงร่วมกัน เพื่อส่งมอบงานตรงเวลา และ พร้อมรับผิดชอบในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น สินค้าแตกหักเสียหาย หรือ สูญหาย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้แก่องค์กรและลูกค้าของคุณ


3. ทรัพยากรที่เหนือชั้น

ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำมักมีเครือข่ายและทรัพยากรพร้อมใช้งานในภูมิภาคต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งยานพาหนะหลากหลายประเภท คลังสินค้าในหลายพื้นที่ และบุคลากรที่มีความชำนาญในแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยสนับสนุน Supply Chain ของคุณให้มีเสถียรภาพ


4. ลดความเสี่ยง

การบริหารงานด้านโลจิสติกส์ด้วยตนเองภายในองค์กร อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงในหลายด้าน ตั้งแต่ต้นทุนจมที่ไม่คืนทุนง่าย ไปจนถึงข้อผิดพลาดจากบุคลากรที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ แต่ในขณะที่ ผู้ให้บริการมืออาชีพจะมีระบบป้องกันข้อผิดพลาดที่มาพร้อมกับความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน ทั้งยังสามารถให้คำปรึกษาและบริหารความเสี่ยงอย่างมีแบบแผน ช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่การวางแผนการตลาด และการขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่


5. มีความยืดหยุ่น

งานด้านโลจิสติกส์เป็นงานที่มีลักษณะไม่คงที่ ความต้องการของลูกค้าอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทั้งในช่วงเทศกาล สินค้าโปรโมชัน หรือการขยายตลาด บริษัทโลจิสติกส์ที่ดีจะสามารถปรับกำลังการขนส่งและคลังสินค้าให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติม

6. เทคโนโลยี

เมื่อให้บริการด้านโลจิสติกส์ แน่นอนว่าจะต้องมีความพิเศษกว่าผู้ที่ไม่ได้ทำธุรกิจด้านโลจิสติกส์โดยเฉพาะ หนึ่งในนั้นก็คือ “เทคโนโลยี” ที่ทันสมัย และ มีประสิทธิภาพ ซึ่งบางครั้ง การลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การทำงานราบรื่นยังจะส่งผลดีในระยะยาว เช่น ระบบติดตามสินค้า (Tracking) ระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) ระบบจัดเส้นทางขนส่ง (TMS) หรือแม้แต่ระบบในการติดตามและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (Telematics) ระบบเหล่านี้ล้วนต้องใช้ต้นทุนสูงและต้องอัปเดตตลอดเวลา การใช้บริการจากบริษัทที่มีเทคโนโลยีพร้อมใช้จึงตอบโจทย์ทั้งความแม่นยำและต้นทุนของบริษัท 


7. ความเชี่ยวชาญในงาน

ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ มักจะมี Best Practice ที่สั่งสมจากประสบการณ์การทำงาน เช่น การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมต่อการขนส่ง การจัดเรียงสินค้าในรถ หรือแม้แต่การส่งสินค้าแบบแช่เย็นที่ต้องควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสินค้า ทำให้พวกเขาสามารถให้คำแนะนำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความเสียหาย และส่งมอบงานได้ตามมาตรฐานสากล ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณได้โดยตรง


การใช้บริการ Logistics Outsourcing ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่คือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดความซับซ้อน และเสริมความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว แต่สิ่งสำคัญคือ คุณต้องเลือกผู้ให้บริการที่เข้าใจธุรกิจคุณอย่างแท้จริง และมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่คุณดำเนินงานอยู่

สำหรับองค์กรหรือผู้ประกอบการที่กำลังมองหาผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ที่เชื่อถือได้และพร้อมเติบโตไปกับคุณติดต่อ SCGJWD ได้ที่เบอร์ 02-710-4000 / 02-586-1979 และช่องทางไลน์ LINE : @SCGJWD

ที่มา :

www.medium.com

www.canva.com

Service Recommended