คลังสินค้าอัตโนมัติ

ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ ยกระดับคลังสินค้าเพื่อธุรกิจยุคดิจิทัล

ธุรกิจคลังสินค้าให้เช่ามีแนวโน้มขยายตัวจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่มากขึ้น รวมไปถึงผู้ประกอบการที่เร่งผลิตสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการ จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่ที่จัดเก็บสินค้าและกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคที่เหมาะสม ซึ่งหนึ่งในคลังสินค้าที่ทวีความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน คือ คลังสินค้าอัตโนมัติ ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบอัตโนมัติเข้ามาตอบโจทย์ เพื่อลดข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

คลังสินค้าอัตโนมัติ คืออะไร

คลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse) คือ พื้นที่จัดเก็บและบริหารคลังสินค้า โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วยบริหารจัดการแทนแรงงานมนุษย์ เพื่อลดความซับซ้อน ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บและกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค โดยปัจจุบันผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยหรือผู้ประกอบการ SMEs ไม่จำเป็นต้องลงทุนเพื่อสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติที่ใช้ในการจัดเก็บสินค้าเอง เพราะมีผู้ให้บริการคลังสินค้าอัตโนมัติ ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญให้บริการแบบครบวงจร เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันในตลาดยุคดิจิทัลที่ต้องการความรวดเร็วและแม่นยำ

ความสำคัญของคลังสินค้าอัตโนมัติ

คลังสินค้าอัตโนมัติ เข้ามามีบทบาทและความสำคัญต่อระบบโลจิสติกส์ รวมทั้งช่วยสนับสนุนธุรกิจทุกขนาดให้สามารถเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งความสำคัญและข้อดีของคลังสินค้าอัตโนมัติต่อธุรกิจมีดังนี้

1. ประสิทธิภาพการจัดการสูง

คลังสินค้าอัตโนมัติจะนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยบริหารจัดการภายในคลังสินค้าทุกกระบวนการ ตั้งแต่การวิเคราะห์วางแผนจัดเก็บสินค้า แพ็กสินค้า ไปจนถึงการกระจายสินค้า โดยจะสามารถติดตามสถานะการทำงาน และตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหา เช่น การจัดเก็บสินค้าผิดตำแหน่ง สต็อกสินค้า การจัดส่งสินค้าล่าช้าหรือจัดส่งสินค้าผิดคำสั่งซื้อ ฯลฯ ได้อย่างทันท่วงที และด้วยเทคโนโลยีที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดระยะเวลาการดำเนินการและเพิ่มความแม่นยำในการจัดการคลังสินค้า สร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค รวมถึงเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจด้วย

2. ลดข้อผิดพลาดในการทำงาน

หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยในคลังสินค้าคือ Human Error ทั้งความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ เช่น อุบัติเหตุจากการยกของหนัก การลงข้อมูลผิดพลาด หรือความผิดพลาดโดยตั้งใจ เช่น ความมักง่ายจากการทำงาน การข้ามขั้นตอนหรือกระบวนการที่กำหนดไว้ เป็นต้น ล้วนแต่สร้างความเสียหาย และอาจกระทบต่อกระบวนการต่าง ๆ ได้ ดังนั้น การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย จะเพิ่มความโปร่งใส และลดข้อผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์ หรือ Human Error ซึ่งถือเป็นต้นทุนสำคัญของธุรกิจได้

3. ลดต้นทุนในระยะยาว

หากคำนึงถึงการดำเนินการในระยะยาว ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ จะช่วยลดต้นทุนในหลาย ๆ ด้าน เช่น ด้านแรงงาน ทั้งในแง่ของการอบรมพนักงาน การจ้างพนักงานมากเกินความจำเป็น หรือการจ้างพนักงานในตำแหน่งที่ทำงานทับซ้อนกัน และด้านพื้นที่ เพราะระบบจะช่วยคำนวณการจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสม เพื่อให้ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องเช่าพื้นที่ขนาดใหญ่เสมอไป

4. รองรับการทำงานได้ตลอด 24 ชม.

หุ่นยนต์และเครื่องจักรสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถรองรับคำสั่งซื้อจำนวนมากได้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล หรือช่วงโปรโมชันที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก จะช่วยเพิ่มความคล่องตัว และดำเนินการจัดส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม แม้ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ผู้ประกอบการต้องนำมาพิจารณา หากต้องการสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติของตัวเอง โดยการเริ่มต้นจะมีต้นทุนที่สูง ความซับซ้อนเรื่องการติดตั้งและดูแลระบบ รวมถึงความต้องการบุคลากรที่เชี่ยวชาญในการดูแลและควบคุม เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นตลอดกระบวนการ สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ แต่ยังไม่พร้อมสำหรับข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ ในประเทศไทยเองก็มีผู้ให้บริการคลังสินค้าอัตโนมัติที่มีมาตรฐาน พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญให้การบริการพื้นที่จัดเก็บและดูแลสินค้าแบบครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เทคโนโลยีที่ใช้ในคลังสินค้าอัตโนมัติ

เทคโนโลยีในทุกอุตสาหกรรมก้าวหน้ามากขึ้น และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับหลาย ๆ ธุรกิจ เช่นเดียวกันกับในระบบโลจิสติกส์ ที่มีระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ เพื่อลดความเสี่ยงในปัญหาต่าง ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการให้มากที่สุด โดยเทคโนโลยีหลัก ๆ ที่ใช้ในระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ มีดังนี้

1. ระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ (Automated Storage and Retrieval System - ASRS)

ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการจัดเก็บ ค้นหาและนำสินค้าออกจากที่จัดเก็บในคลังสินค้า โดยใช้หุ่นยนต์ เครนหรือเครื่องจักรที่สามารถเคลื่อนที่ได้ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง และโครงสร้างชั้นวางที่ออกแบบมาให้รองรับการใช้งานร่วมกับเครื่องจักร ผ่านการควบคุมจากระบบคอมพิวเตอร์ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการการจัดเก็บและกระจายสินค้าอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการคลังสินค้า 

2. หุ่นยนต์ขนส่งสินค้า (Automated Guided Vehicles - AGVs)

ระบบหุ่นยนต์ขนส่งสินค้า จะใช้ในการขนย้ายสินค้า วัตถุ หรือพัสดุตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก โดยไม่ต้องใช้มนุษย์ในการควบคุม เพราะสามารถเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัย ด้วยการกำหนดเส้นทางขนส่งทางโปรแกรมที่ติดตั้งไว้

3. ระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System - WMS)

ระบบ WMS เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการบริหารและควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ในคลังสินค้า ตั้งแต่การรับสินค้า จัดเก็บ บริหารสต็อก ไปจนถึงการกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าซึ่งจะช่วยลดการสูญหายของสินค้าได้

4. ระบบ IoT (Internet of Things)

IoT เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยติดตามสถานะและการขนส่งของทั้งสินค้าและพนักงานได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงวิเคราะห์และคาดการณ์ข้อมูล เพื่อวางแผนการจัดส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านทางชุดอุปกรณ์ฝังเซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยสามารถตรวจสอบได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือหรือคอมพิวเตอร์ 

5. รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift)

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ที่ทำงานด้วยกลไกระบบไฟฟ้า โดยสามารถรับน้ำหนักหรือขนย้ายสินค้าที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเข้าถึงชั้นวางสินค้าที่สูงได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยแรงงานคน ซึ่งจะช่วยสร้างความปลอดภัยในการทำงานได้

เทรนด์ของคลังสินค้าอัตโนมัติ ปี 2025

เทรนด์ของคลังสินค้าอัตโนมัติ จะสอดคล้องไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค และเทคโนโลยีที่ใช้ในคลังสินค้าอัตโนมัติที่มีการพัฒนาขึ้น โดยเทรนด์ที่น่าสนใจในปี 2025 มีดังนี้

1. การใช้ Big Data

มามีความสำคัญ โดยเฉพาะคลังสินค้าอัตโนมัติที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการจัดการคลังสินค้า ด้วยการนำข้อมูลมหาศาลจากการรวบรวมผ่าน AI และ IoT มาวิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อพยากรณ์ความต้องการของสินค้า และบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ

2. ความเร็วในการจัดส่งสินค้า

ธุรกิจ E-commerce ที่เติบโตขึ้น เท่ากับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น เพราะผู้บริโภคมีโอกาสเลือกมากขึ้น การปรับตัวให้ตอบโจทย์กับผู้บริโภค ทั้งคุณภาพสินค้า การบริการ ความถูกต้องของการจัดส่ง และความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า จะถือเป็นข้อได้เปรียบของธุรกิจในกลุ่มเดียวกัน ดังนั้น คลังสินค้าอัตโนมัติ นอกจากจะต้องมีเทคโนโลยีที่เพิ่มความรวดเร็วในการหยิบจับ จัดเรียง บรรจุ และส่งสินค้าแล้ว ทำเลที่ตั้งของคลังสินค้าที่อยู่ศูนย์กลางการคมนาคมก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

3. การออกแบบเพื่อความยั่งยืน และ Green logistics

ปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างตระหนักกันมากขึ้น การดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนกลายเป็นประเด็นที่หลายธุรกิจให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโลจิสติกส์ และคลังสินค้าหลายแห่งที่ปรับตัวด้วยการดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเช่น การลดใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ อย่างการนำเทคโนโลยีมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โซลาร์เซลล์ และรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าภายในคลังสินค้า การวิเคราะห์เส้นทางที่สั้นและประหยัดเชื้อเพลิงมากที่สุดในการจัดส่งสินค้า เป็นต้น

4. ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบโลจิสติกส์

เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติมากขึ้น การนำเข้าข้อมูลเข้าไปในระบบและเชื่อมต่อกันแบบออนไลน์จึงมีมากขึ้น ผู้ให้บริการคลังสินค้าอัตโนมัติจึงต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูล ด้วยการลงทุนในระบบป้องกันการโจรกรรมทางไซเบอร์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล และควบคุมการเข้าถึงข้อมูลในคลังสินค้า สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้รับบริการ

คลังสินค้าอัตโนมัติ จะช่วยยกระดับธุรกิจของคุณในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างต้องรวดเร็วและแม่นยำ ด้วยการลดข้อผิดพลาด เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ และลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการได้ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ประกอบการเลือกใช้บริการคลังสินค้าอัตโนมัติจากผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญ และเชื่อถือได้ จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจและยกระดับการแข่งขันทางด้านธุรกิจได้ 

SCGJWD ให้บริการคลังสินค้าอัตโนมัติผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ บนทำเลพื้นที่ที่พร้อมให้บริการทั่วประเทศ โดยบริการคลังสินค้าอัตโนมัติของ SCGJWD มี ดังนี้

  • บริการจัดเก็บเอกสารและข้อมูล รองรับการจัดเก็บเอกสารได้กว่า 2 ล้านกล่อง ด้วยเทคโนโลยีการจัดเก็บแบบอัตโนมัติ ที่ช่วยดูแลเอกสารอย่างเป็นระบบและปลอดภัย ให้บริการลูกค้าหลากหลายกลุ่ม เช่น สถาบันทางการเงิน โรงแรม บริษัทขนาดใหญ่ ตลอดจนหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ
  • บริการคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (แช่เย็น/แช่แข็ง) ด้วยพื้นที่ให้บริการใหญ่ที่สุด พร้อมรองรับสินค้ามากกว่า 100,000 ตัน ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล และได้รับใบอนุญาตทุกประเภท พร้อมให้บริการห้องเย็นปลอดภาษีอากรแห่งแรกในไทย ภายใต้การควบคุมของกรมศุลกากร สามารถให้บริการจัดเก็บสินค้าแช่เย็น แช่แข็ง และแช่เยือกแข็ง ในทุกกลุ่มลูกค้า ตั้งแต่รายเล็ก จนถึงรายใหญ่
  • บริการคลังสินค้าทั่วไป ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


สนใจใช้บริการคลังสินค้าอัตโนมัติที่ให้บริการจัดเก็บเอกสารและข้อมูล และบริการคลังสินค้าควมคุมอุณหภูมิ(แช่เย็น/แช่แข็ง) ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-710-4000 / 02-586-1979 และช่องทางไลน์ LINE : @SCGJWD


ที่มา : 

www.bps-lts.com
www.ais.th
www.krungsri.com
www.bangkokbanksme.com

Service Recommended