เปิดเทคนิคบริหารจัดการคลังเก็บสินค้า สำหรับร้านค้า SME
หากคุณคือเจ้าของธุรกิจ SME หรือร้านค้าออนไลน์ที่กำลังขยับขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้น และกำลังเผชิญกับปัญหายอดออเดอร์เพิ่มขึ้นจนรับมือไม่ไหว สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ การบริหารคลังสินค้าให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยส่วนใหญ่ เมื่อธุรกิจขยายตัวขึ้น ผู้ประกอบการมักจะเลือกใช้บริการ Fullfillment หรือ บริการคลังสินค้าออนไลน์ ที่จะมีระบบการจัดการสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่เก็บสินค้า สต๊อกสินค้า แพ็คสินค้า ไปจนถึงการจัดส่ง เพื่อการทำงานได้ง่ายขึ้น แถมยังช่วยลดข้อผิดพลาดให้กลายเป็นศูนย์ เพื่อให้คุณสามารถจัดการร้านค้าได้อย่างคล่องตัว!
การสต๊อกสินค้าจำเป็นอย่างไรสำหรับธุรกิจ SME
ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง การสต๊อกสินค้าก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นและยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ร้านของคุณเติบโตได้ไม่แพ้ร้านขนาดใหญ่ เพราะจะช่วยให้คุณมีสินค้าพร้อมสำหรับการขาย สามารถรับออเดอร์ได้ตลอดเวลาอย่างไม่ต้องกังวล และจัดส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งที่ควรทำควบคู่กันไปก็คือ การเลือกใช้ “ระบบการจัดการคลังสินค้า” ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ช่วยประหยัดเวลา และช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งอาจเกิดได้จากการที่มีสินค้าค้างสต๊อกอยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมช่วยลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อยอดขาย อย่างการที่สินค้าขาดสต๊อกโดยไม่ทันตั้งตัว ในขณะที่ยอดออเดอร์ของคุณเพิ่มขึ้นนั่นเอง
สรุปข้อดีของระบบจัดการคลังสินค้า ที่ร้านค้า SME ต้องรู้ !
- ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบจำนวนยอดคงเหลือของสินค้าภายในคลังได้จากทุกที่ ทุกเวลา
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น ลดความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจส่งผล กระทบต่อยอดขายในภาพรวม
- ช่วยให้คุณมีสินค้าพร้อมส่งอยู่เสมอ สร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้มากกว่า
- ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเมื่อมีสินค้าค้างสต๊อก
ร้านค้า SME มือใหม่ ควรจัดการสต๊อกอย่างไรไม่ให้พลาดทุกออเดอร์
1. ตรวจสอบจำนวนสินค้าในสต๊อกเสมอ
สิ่งสำคัญของการใช้ระบบจัดการคลังสินค้าเพื่อบริหารสินค้าในสต๊อกคือ การหมั่นตรวจสอบจำนวนสินค้าในสต๊อกเสมอ เพื่อให้ทราบจำนวนสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำ และเพื่อให้แน่ใจว่า จำนวนสินค้าคงเหลือเป็นไปตามแผนการขายที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งการที่เราคอยตรวจสอบจำนวนสินค้าในสต๊อกอยู่ตลอดเวลา ก็จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงทีเช่น หากสินค้ามีแนวโน้มว่าจะค้างสต๊อก ก็จะช่วยให้เราวางแผนจัดโปรโมชันระบายสินค้าได้ทัน หรือหากสินค้าประเภทไหนที่ขายดี เราก็จะสามารถเตรียมสต๊อกสินค้าไว้ล่วงหน้าได้เพื่อไม่ให้ขาดตอน
2. แยกประเภทของสินค้า และจัดการด้วยระบบ SKU
ระบบ SKU หรือ Stock Keeping Unit คือ หน่วยที่เล็กที่สุด ที่ใช้สำหรับการแยกประเภทของสินค้าในระบบจัดการคลังสินค้า ซึ่งจะช่วยให้คุณแยกประเภทของสินค้าในหมวดหมู่เดียวกันออกมาได้อย่างละเอียด และง่ายต่อการจัดการมากขึ้นเช่น หากคุณมีเสื้อยืด 1 ตัว แต่มีด้วยกัน 4 ไซส์ S, M, L, XL และมีด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ สีขาว สีดำ สีน้ำเงิน การกำหนด SKU เพื่อแยกสีและไซส์ออกจากกัน จะทำให้คุณจัดเรียงสินค้าได้ง่าย และไม่ต้องวุ่นวายกับการบริหารสต๊อกในภายหลัง
3. จัดการสต๊อกด้วยเทคนิค FIFO
เทคนิค FIFO หรือ First In First Out เป็นเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นงานบัญชี งานบริหาร หรืองานด้านปฏิบัติการ โดยมีหลักในการใช้คือ สินค้าใดที่รับเข้ามาในสต๊อกก่อน จะต้องถูกนำออกไปใช้หรือนำไปจำหน่ายก่อน ซึ่งทุกครั้งที่มีการรับสินค้าเข้ามาในสต๊อก จะต้องมีป้ายระบุวันที่เอาไว้อย่างละเอียดเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ ข้อดีของเทคนิคนี้ก็คือ จะช่วยลดปัญหาสินค้าค้างสต๊อกและสินค้าเสื่อมสภาพก่อนที่จะถูกนำไปจัดจำหน่าย ทำให้คุณสามารถจัดการคลังเก็บสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4. ศึกษาตลาดและคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าให้แม่นยำ
อีกหนึ่งเคล็ดลับจัดการสต๊อกสินค้าที่ร้านค้า SME ควรให้ความสำคัญคือ การศึกษาตลาดและคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าให้แม่นยำ เพื่อดูว่าสินค้าประเภทใดที่มีแนวโน้มจะได้รับความนิยม และเป็นที่ต้องการของตลาดในแต่ละช่วง จะช่วยให้คุณวางแผนการขายและการสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาสินค้าค้างสต๊อก ระบายไม่ทัน และยังเป็นโอกาสที่คุณจะทำกำไรจากการขายได้มากขึ้นอีกด้วย
5. เลือกบริการ Fulfillment ที่มีคุณภาพ
สำหรับร้านค้า SME ที่ต้องการจะขยับขยายกิจการให้มีขนาดใหญ่และเติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น บริการ Fulfillment หรือที่หลายคนอาจคุ้นเคยในชื่อ บริการคลังสินค้าออนไลน์พร้อมจัดส่ง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้คุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยบริการ Fulfillment จะเข้ามาช่วยประหยัดต้นทุนและเวลาในการสต๊อกสินค้าให้คุณไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ไปกับการเช่าโกดัง ไม่ต้องคอยเสียเวลาเข้าไปดูแล และยังไม่ต้องวุ่นวายกับการบริหารคลังเก็บสินค้าด้วยตัวเอง โดยเฉพาะบริการ Fulfillment จะมีศูนย์กระจายสินค้าที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และมีการจัดการอย่างเป็นมืออาชีพยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการกระจายสินค้าให้เกิดความรวดเร็ว สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าปลายทางได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยให้คุณมีเวลาไปพัฒนาส่วนอื่น ๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ถือเป็นเทคนิคที่จะช่วยให้คุณจัดการร้านค้าออนไลน์ได้อย่างสะดวก แม่นยำ และเป็นระบบมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาบริการคลังสินค้าออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ ทาง SCGJWD เรามีระบบการจัดการคลังสินค้าที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจทุกขนาดได้อย่างครอบคลุม พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าปลายทางได้อย่างรวดเร็ว