การขนส่งสินค้าท่าเรือแหลมฉบัง

ท่าเรือแหลมฉบังประตูสู่การค้าระหว่างประเทศของไทย

ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครแหลมฉบัง อำเภอศรีราชาและอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นท่าเรือน้ำลึกหลักของประเทศไทยที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศ ด้วยที่ตั้งทางยุทธศาสตร์บนชายฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางทะเลที่สำคัญของไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในท่าเรือที่มีประสิทธิภาพสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองรับการขนส่งสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออก ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของไทยในตลาดโลก นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชื่อมโยงกับระบบขนส่งหลากหลายรูปแบบ ท่าเรือแหลมฉบังไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า แต่ยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการขนส่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานและการจัดการโลจิสติกส์

ในบทความนี้ จะแนะนำรายละเอียดเกี่ยวกับท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา บทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย

ประวัติความเป็นมาของท่าเรือแหลมฉบัง

ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือที่รัฐบาลต้องสร้างเพื่อการแก้ไขปัญหาความหนาแน่นของท่าเรือกรุงเทพ ในเขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานครฯ และเพื่อรองรับการเติบโตทางการค้าระหว่างประเทศ ปีพ.ศ. 2513 รัฐบาลทำการศึกษาความเป็นไปได้และได้ข้อสรุปว่า พื้นที่แหลมฉบังมีความลึกของน้ำทะเลที่เหมาะสม อยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมและเส้นทางคมนาคมสำคัญ จึงเริ่มการก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2530 และเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2534 โดยเปิดดำเนินการท่าเทียบเรือท่าแรกคือ ท่า B1

ความสำคัญของท่าเรือแหลมฉบังต่อเศรษฐกิจไทย

1. เป็นจุดเชื่อมต่อการค้าหลักของประเทศ

ท่าเรือแหลมฉบังทำหน้าที่เสมือนประตูหลักในการเชื่อมโยงการค้าของไทยกับต่างประเทศ ด้วยพื้นที่ลานตู้ที่สามารถรองรับตู้สินค้ามากกว่า 80% ของปริมาณการขนส่งทางทะเลทั้งหมดของประเทศ เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงระบบการค้าระหว่างประเทศของไทย ทั้งการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาสู่ตลาดภายในประเทศ และการส่งออกสินค้าจากประเทศไทยสู่ตลาดโลก

2. เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค

ท่าเรือแหลมมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความหลากหลายสามารถรองรับการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและยังเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในการกระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอินโดจีน เนื่องจากการรองรับเรือขนาดใหญ่ ที่มาจอดพักก่อนกระจายสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ส่งผลให้ไทยกลายเป็นจุดศูนย์กลางในการขนส่งที่สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

3. สนับสนุนแผนธุรกิจ EEC

ท่าเรือแหลมฉบังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ย่อมาจาก Eastern Economic Corridor หรือ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เป็นแผนยุทธศาสตร์ชาติมุ่งเน้นพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานหลักที่เชื่อมโยงการขนส่งทั้งทางบก ทางราง และทางอากาศเข้าด้วยกัน เพื่อเชื่อมต่อระบบโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพไร้รอยต่อ 

4. ท่าเรือแหลมฉบังช่วยเสริมอุตสาหกรรมการส่งออกสินค้า

สำหรับธุรกิจการส่งออกซึ่งถือได้ว่าเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทย ท่าเรือแหลมฉบังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่งสินค้า ทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งมอบสินค้าถึงมือลูกค้าต่างประเทศด้วยระยะเวลาที่เร็วและมีราคาที่แข่งขันได้

5. ตัวช่วยกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงาน

ท่าเรือแหลมฉบังเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อทางด้านโลจิสติกส์ จุดจอดเรือขนาดใหญ่ทำให้บริษัทต่างประเทศมีความสนใจและมาสร้างโรงงานฐานการผลิตในประเทศไทยบริเวณใกล้กับท่าเรือ เพื่อประโยชน์ในการกระจายสินค้าและลดต้นด้านทุนโลจิสติกส์ และนอกจากจากนี้เมื่อมีโรงงานความต้องการแรงงานเพิ่มมากขึ้น ช่วยสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นอีกด้วย 

สิ่งอำนวยความสะดวกในท่าเรือแหลมฉบัง

1. ท่าเทียบเรือ

ท่าเรือแหลมฉบังประกอบด้วยท่าเทียบเรือที่หลากหลาย เพื่อรองรับเรือประเภทต่างๆ ปัจจุบันมีท่าเทียบเรือทั้งหมด 11 ท่า แบ่งเป็นท่าเทียบเรือตู้สินค้าและท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไป ความยาวหน้าท่ารวมกันมากกว่า 8,950 เมตร ซึ่งทำให้สามารถรองรับเรือได้หลายลำพร้อมกัน 

ท่าเทียบเรือตู้สินค้ามีความลึกของน้ำหน้าท่า 16 เมตร สามารถรองรับการขนถ่ายสินค้าประเภทต่าง ๆ เช่น สินค้าเทกอง รถยนต์ และสินค้าอันตรายที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เป็นต้น และนอกจากนี้ยังมีท่าเทียบเรือสำหรับเรือรับส่งลูกเรือ (Crew Boat) และเรือลากจูง (Tug Boat)

2. อุปกรณ์สำหรับการขนถ่ายสินค้า

  • เครนหน้าท่า เป็นเครนขนาดใหญ่ที่ใช้ในการยกตู้สินค้าขึ้นลงจากเรือ
  • รถยกตู้สินค้า ใช้สำหรับการจัดเรียงและเคลื่อนย้ายสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์
  • รถยกตู้สินค้าชนิดล้อยาง (Reach Stackers) ใช้ในการเคลื่อนย้ายตู้สินค้า และจัดเรียงตู้คอนเทนเนอร์
  • รถหัวลาก ใช้สำหรับการลากตู้สินค้าภายในท่าเรือ
  • สายพานลำเลียง ใช้สำหรับขนถ่ายสินค้าเทกอง เช่น แร่ ถ่านหิน เป็นต้น
  • เครื่องชั่งน้ำหนัก ใช้สำหรับตรวจสอบน้ำหนักของตู้สินค้าและสินค้าทั่วไป

3. พื้นที่สำหรับจัดวางสินค้า

  • ลานวางตู้สินค้า สำหรับวางตู้พักสินค้า
  • คลังสินค้า ใช้สำหรับจัดเก็บสินค้าทั่วไป หรือสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิ
  • ลานจอดรถยนต์ สำหรับจัดเก็บรถยนต์ที่จะนำเข้าและส่งออก
  • พื้นที่จัดเก็บสินค้าเทกอง สำหรับจัดเก็บสินค้าเทกอง เช่น แร่ ถ่านหิน สินค้าทางการเกษตร เป็นต้น
  • คลังสินค้าอันตราย สำหรับจัดเก็บสินค้าอันตราย ที่มีความต้องการแลเป็นพิเศษตามกฎหมายกรมโรงงาน
  • พื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) พื้นที่สำหรับการนำเข้า ส่งออก และสินค้าโดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

จากรายละเอียดข้างต้นจะเห็นได้ว่า ท่าเรือแหลมฉบังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เป็นประตูสู่การค้าระหว่างประเทศ สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาบริการนำเข้าและส่งออกสินค้า SCGJWD เป็นผู้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ด้วยมาตรฐานการให้บริการการระดับสากลและนวัตกรรมบริหารจัดการสินค้าเพื่อให้บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

หากสนใจใช้บริการท่าเรือ และลานวางตู้คอนเทนเนอร์ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-710-4000 / 02-586-1979
และช่องทางไลน์ LINE : @SCGJWD 

ที่มา :
www.freepik.com
www.canva.com
www.lcp.port.co.th
www.port.co.th

www.eeco.or.th
www.nia.or.th
www.bangkokbiznews.com

Service Recommended