SCGJWD ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจร

สรุปความแตกต่างระหว่างการขนส่งและโลจิสติกส์

ระบบขนส่งและโลจิสติกส์เป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินธุรกิจในยุคที่ความรวดเร็ว การลดต้นทุน และประสบการณ์ของผู้ให้บริการ เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จ หลายคนมักเข้าใจว่า “การขนส่งโลจิสติกส์” เป็นระบบเดียวกัน ทั้งที่ในความเป็นจริง “การขนส่ง” เป็นเพียงหนึ่งในองค์ประกอบของ “โลจิสติกส์” เท่านั้น  การทำความเข้าใจความหมายและความแตกต่างของระบบเหล่านี้อย่างลึกซึ้งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนซัพพลายเชนได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังช่วยให้ปรับกลยุทธ์ได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และตัดสินใจเลือกพาร์ตเนอร์ด้านการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ


บริการขนส่งสินค้าคืออะไร ?

บริการขนส่งสินค้า (Transportation Services) คือการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ ชิ้นส่วนสินค้า หรือสินค้าสำเร็จรูปจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งตามเงื่อนไขที่ธุรกิจต้องการ โดยครอบคลุมกระบวนการตั้งแต่การวางแผนเส้นทาง การเลือกยานพาหนะ การควบคุมอุณหภูมิ การควบคุมเวลา ไปจนถึงการจัดส่งไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยและตรงเวลา

การขนส่งสามารถแบ่งออกตามลักษณะของสินค้า ตั้งแต่สินค้าทั่วไป สินค้าควบคุมอุณหภูมิ สินค้าขนาดใหญ่ สินค้าอันตราย ไปจนถึงประเภทย่อยอื่น ๆ และรูปแบบของการขนส่ง เช่น ทางถนน ทางราง ทางเรือ ทางอากาศ หรือแบบเชื่อมต่อหลายระบบ (Multimodal)

แต่การขนส่งเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจที่ซับซ้อนได้ทั้งหมด จึงต้องถูกจัดให้อยู่ภายใต้ระบบที่ใหญ่กว่า ซึ่งก็คือ ‘โลจิสติกส์’


ระบบโลจิสติกส์ มองภาพใหญ่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ระบบโลจิสติกส์ (Logistics System) คือกระบวนการวางแผน ดำเนินงาน และควบคุมการไหลของวัตถุดิบ สินค้าคงคลัง และรวบรวมข้อมูล ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อุปทาน (ซัพพลายเชน) ไปจนถึงลูกค้าปลายทาง โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและได้ประสิทธิผลสูงสุด ภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสม แต่นอกจากการขนส่งแล้ว ระบบนี้ยังรวมถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในด้านอื่น ๆ เช่น การวางแผนคำสั่งซื้อ การจัดการคลังสินค้า การควบคุมสินค้าคงคลัง ซึ่งล้วนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ


สรุปความแตกต่างระหว่างการขนส่งและโลจิสติกส์


การขนส่ง (Transportation)

โลจิสติกส์ (Logistics)

คำจำกัดความ

การเคลื่อนย้ายสินค้า วัตถุดิบ หรือผลิตภัณฑ์จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง

กระบวนการวางแผน ควบคุม และบริหารการเคลื่อนย้าย จัดเก็บ รวบรวมข้อมูล ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

ขอบเขตการทำงาน

เฉพาะการเคลื่อนย้ายสินค้าจากต้นทาง ไปยังปลายทาง

ครอบคลุมตั้งแต่การจัดซื้อ สต๊อก คลังสินค้า ขนส่ง กระจายสินค้า และการส่งคืนสินค้า

เป้าหมายหลัก

ความเร็ว ความตรงต่อเวลา และความปลอดภัยในการส่งมอบสินค้า

เน้นประสิทธิภาพสูงสุดในทุกกระบวนการ ลดต้นทุน และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

องค์ประกอบ

ยานพาหนะ คนขับ เส้นทาง ระบบติดตาม

การจัดซื้อ, คลังสินค้า, WMS, TMS, การวางแผนเส้นทาง, BI, Last-mile, Reverse logistics และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

จุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของกระบวนการ

เริ่มตั้งแต่เมื่อสินค้าออกจากคลัง / โรงงาน → สิ้นสุดเมื่อถึงปลายทาง

เริ่มตั้งแต่การวางแผนการจัดซื้อ ไปจนถึงการจัดส่งถึงมือลูกค้า และการประเมินผลลัพธ์


ประโยชน์ของบริการขนส่งสินค้าที่มีคุณภาพ

แม้การขนส่งจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งของระบบโลจิสติกส์ แต่ก็เป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะถ้าขาดการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ย่อมส่งผลให้การทำงานทั้งระบบสะดุดและกระทบต่อธุรกิจ ซึ่งการเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่มีคุณภาพ จะมาพร้อมประโยชน์เหล่านี้

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : ส่งสินค้าได้ตรงเวลา ไม่มีความเสียหาย สะท้อนถึงภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร ทำให้คู่ค้าและลูกค้าไว้วางใจ
  • ลดต้นทุนการดำเนินงาน : ระบบขนส่งที่ดีจะช่วยลดค่าจัดเก็บสินค้าในคลัง ลดค่าเสียหาย ลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนจากการส่งผิดหรือส่งซ้ำ
  • ปรับตัวได้รวดเร็วต่อความต้องการของตลาด : การจัดส่งที่ยืดหยุ่น ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้ทันที เช่น โปรโมชันระยะสั้น สินค้าตามฤดูกาล
  • เพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กร : ช่วยลดภาระของทีมงานในการติดตาม ตรวจสอบ และจัดการปัญหาเมื่อลูกค้าได้รับของล่าช้า
  • รองรับการขยายตัวในระยะยาว : ระบบขนส่งที่สามารถปรับสเกล (Scale) ได้ตามการเติบโตของธุรกิจ จะช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาว ทำให้ไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงเกินไป หรือบริการไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ที่อาจส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้บริการ 

ในความเป็นจริงแล้วราคาถูกไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป แม้ว่าราคาอาจเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ แต่การเลือกบริการที่ราคาถูกที่สุดอาจมาพร้อมกับต้นทุนแฝง เช่น ระบบติดตามไม่แม่นยำ ไม่มีประกันสินค้า ขาดมาตรฐานความปลอดภัย หรือขาดเทคโนโลยีในการควบคุมคุณภาพการขนส่ง

การพิจารณาเลือกพาร์ตเนอร์ด้านการขนส่งจึงควรมองในมุมของ ความคุ้มค่าโดยรวม (Value) มากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว เพื่อให้การขนส่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจอย่างแท้จริง


บริษัทขนส่งสินค้าจำเป็นหรือไม่ ?

หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการขยายตลาด เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน หรือมองหาแนวทางลดต้นทุนโดยไม่ต้องลดคุณภาพของสินค้า การใช้บริการจากผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์มืออาชีพคือสิ่งที่จำเป็น ด้วยเหตุผลดังนี้

  • สามารถเริ่มได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนเอง ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถสำหรับการขนส่ง จ้างพนักงาน ดูแลระบบขนส่งเอง หรือแบกรับความเสี่ยงด้านอื่น ๆ
  • ควบคุมความเสี่ยงระหว่างการขนส่งได้ดีขึ้น โดยเฉพาะสำหรับสินค้าเฉพาะทาง เช่น สินค้าแช่แข็ง หรือสินค้าควบคุมอุณหภูมิ
  • เข้าถึงเครือข่ายที่กว้างกว่า เช่น การขนส่งข้ามประเทศหรือการส่งไปยังพื้นที่ห่างไกล
  • ได้รับข้อมูลและช่วยวิเคราะห์โดยมืออาชีพ เพื่อนำมาพัฒนาประสิทธิภาพการจัดส่งในระยะยาว


ปัจจัยสำคัญในการเลือกผู้ให้บริการขนส่งสินค้า

การเลือกพาร์ตเนอร์ด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณไม่ต้องบริหารความเสี่ยงซ้ำซ้อน และสามารถโฟกัสกับการเติบโตทางธุรกิจได้เต็มที่ ดังนั้น ก่อนเลือกบริษัทขนส่ง ควรให้ความสำคัญกับปัจจัยต่อไปนี้มากเป็นพิเศษ

  • ความน่าเชื่อถือของบริษัท : มีประสบการณ์ในธุรกิจขนส่งมาอย่างยาวนาน และมีลูกค้ากลุ่มองค์กร (B2B) หรือผู้ประกอบการรายใหญ่ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
  • มีประเภทของบริการให้เลือกอย่างครอบคลุม : รองรับการขนส่งทั้งแบบทั่วไป (General Cargo), ควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain), สินค้าขนาดใหญ่ (Heavy Cargo) รวมถึงมีบริการเสริมที่เกี่ยวข้อง เช่น การประกันสินค้า บริการเก็บเงินปลายทาง  
  • มีเครือข่ายในการให้บริการ : มีจุดบริการหรือศูนย์กระจายสินค้า (Hub) ครอบคลุมพื้นที่ธุรกิจที่คุณต้องการจัดส่ง ทั้งยังสามารถขนส่งข้ามจังหวัด ข้ามภูมิภาค หรือข้ามประเทศได้
  • เทคโนโลยีและระบบติดตาม : ใช้ระบบ GPS ติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ มี Dashboard / Portal สำหรับดูสถานะการจัดส่งย้อนหลัง และวิเคราะห์ SLA ได้
  • ความยืดหยุ่นในการให้บริการ : ปรับรูปแบบการขนส่งได้ตามปริมาณสินค้า เช่น FTL (เต็มคันรถ) หรือ LTL (รวมสินค้าหลายเจ้าลงคันเดียว) สามารถจัดส่งเร่งด่วนได้หากจำเป็น
  • ความสามารถในการจัดการปัญหา : มีทีม Customer Support คอยตอบกลับอย่างรวดเร็ว และมีเจ้าหน้าที่ดูแลเคสเฉพาะกรณี พร้อมระบบรับเคลมกรณีสินค้าชำรุด ล่าช้า หรือสูญหายอย่างเป็นทางการ


ประเภทการขนส่งที่ผู้ประกอบการควรรู้จัก

อย่างที่ทราบกันว่าการขนส่งเป็นส่วนสำคัญของระบบโลจิสติกส์ แต่การขนส่งก็สามารถแยกประเภทย่อยได้อีกตามลักษณะของสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการอย่างครอบคลุม บริการขนส่งของ SCGJWD จึงแบ่งออกเป็น 7 ประเภท ดังนี้


ประเภทที่ 1  Automotive Transport

เป็นบริการขนส่งสินค้ากลุ่มรถยนต์ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยมีบริการต่าง ๆ ดังนี้

  • บริการขนส่งชิ้นส่วนยานยนต์จากผู้ผลิตไปยังโรงงานประกอบรถยนต์ โดยจัดรอบการรับชิ้นส่วนของแต่ละซัพพลายเออร์ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาในการผลิตรถยนต์ เป็นระบบ Just in time ทำให้การผลิตไม่หยุดชะงักจากการรอสิ่งของจากกระบวนการก่อนหน้า
  • บริการขนส่งและกระจายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ไปยังศูนย์ซ่อมทั่วประเทศ
  • บริการรถขนรถยนต์ โดยรถ Car Carrier จะรับรถยนต์ที่ประกอบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่งมอบไปยังศูนย์จำหน่ายรถยนต์ทั่วประเทศ หรือจัดส่งไปยังท่าเรือเพื่อการส่งออก


ประเภทที่ 2 Cross Border Transport

บริการขนส่งข้ามแดน สำหรับกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม รวมไปถึงจีน โดยมีบริการครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ดังนี้

  • บริการขนส่งสินค้าทั่วไป สินค้าควบคุมอุณหภูมิ และสินค้ากลุ่มรถยนต์
  • บริการดำเนินพิธีทางศุลกากร เช่น ให้คำปรึกษาและวางแผนภาษีนำเข้า-ส่งออก การยื่นขออนุญาตจากหน่วยงานต่าง ๆ การดำเนินพิธีการสินค้าผ่านแดน
  • เลือกส่งได้ทั้งแบบเต็มตู้ และแบบรวมตู้
  • บริการคลังสินค้า โดยมีเครือข่ายโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งในแต่ละประเทศ สามารถกระจายสินค้าต่อถึงมือผู้รับปลายทางได้อย่างไร้รอยต่อ
  • บริการติดตามสถานะการขนส่ง ซึ่งลูกค้าสามารถติดตามได้แบบเรียลไทม์ตลอดเส้นทาง


ประเภทที่ 3  General  Cargo Transport

บริการขนส่งและกระจายสินค้าทั่วไป ทั้งแบบเต็มคันและไม่เต็มคันรถ โดยรวมสินค้าและจัดส่งไปยังศูนย์กระจายในภูมิภาค เพื่อกระจายไปยังปลายทางทั่วประเทศ ด้วยรถขนส่งหลากหลายขนาดตั้งแต่ 4 ล้อ, 6 ล้อ หรือ 10 ล้อ


ประเภทที่ 4 Cold Chain Transport

ระบบขนส่งควบคุมอุณหภูมิ ตอบโจทย์ธุรกิจที่จำเป็นต้องคงอุณหภูมิของสินค้า เช่น สินค้าประเภทวัคซีน ยา เครื่องสำอาง อาหารแช่แข็งพร้อมทาน เนื้อสัตว์ ผลไม้สด หรือน้ำผลไม้ เพื่อรักษาคุณภาพให้สดใหม่จนไปถึงที่หมาย โดยมีบริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิและกระจายสินค้าภาคพื้นดินแบบครบวงจร ครอบคลุม ซึ่งรถขนส่งหลากหลายขนาดตั้งแต่ 4, 6, 10 ล้อ ตามความต้องการของลูกค้า สามารถรักษาอุณหภูมิได้ตั้งแต่ +25 จนถึง -18 องศา


ประเภทที่ 5 Cold Chain Express 

การขนส่งแบบแช่เย็นหรือแช่แข็ง แบบด่วน ตอบโจทย์กลุ่ม B2B และ B2C ที่ประกอบธุรกิจที่จำเป็นต้องคงอุณหภูมิของสินค้าเพื่อรักษาคุณภาพให้สดใหม่จนไปถึงที่หมายทั่วประเทศ และส่งถึงผู้รับรายย่อยภายในระยะเวลาจำกัด  เช่น เค้ก ไอศกรีม อาหารแช่แข็งพร้อมทาน เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผักและผลไม้สดเป็นต้น  พร้อมด้วยเทคโนโลยี Coolbox ที่สามารถรักษาอุณหภูมิให้คงที่ได้ถึง 36 ชั่วโมง


ประเภทที่ 6 Heavy Cargo Transport 

บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ สำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก พร้อมด้วยอุปกรณ์ครบครันและทันสมัย สำหรับงานยกขนและขนย้ายเฉพาะทาง อีกทั้งยังมีทีมวิศวกรควบคุมและดูแลตลอดการทำงาน ตั้งแต่วางแผนจนส่งมอบงานอีกด้วย 

ตัวอย่างสินค้าสินค้าขนาดใหญ่

  • หัวรถไฟฟ้า
  • ชิ้นส่วนสะพาน 
  • เครื่องจักรโรงงาน
  • เครื่องมือทางการแพทย์ขนาดใหญ่ เช่น เครื่อง MRI
  • เครื่อง Chiller หรือเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่ ที่ใช้ในห้างสรรพสินค้า หรือโรงพยาบาล 


ประเภทที่ 7 Multimodal Transport

บริการขนส่งเชื่อมต่อหลายรูปแบบ โดยเชื่อมต่อจากท่าเรือแหลมฉบังซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ ของกลุ่มบริษัท SCGJWD ไปสู่การขนส่งใน 3 รูปแบบ ได้แก่ ทางรถไปยังปลายทางทั่วประเทศและข้ามแดน ทางเรือ และ ทางราง 


SCGJWD ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจร

ต้องการใช้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจร SCGJWD ยินดีให้คำปรึกษา พร้อมตอบโจทย์ธุรกิจคุณด้วยบริการด้านการขนส่งที่ครอบคลุมทุกประเภท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดูแลทุกขั้นตอนโดยเจ้าหน้าที่มืออาชีพ มีมาตรฐานการดำเนินงานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล พร้อมใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการบริหารจัดการ ช่วยลดต้นทุนในระยะยาวได้จริง สามารถปรับกลยุทธ์และวางแผนให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจได้ทุกประเภท ต้องการรับคำปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่เบอร์ 02-7104000, 02-5861979 ช่องทาง LINE : @SCGJWD หรือกรอกข้อมูลเพื่อขอรับใบเสนอราคาได้เลย

Service Recommended