
การเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะการใช้งานมีประสิทธิภาพสูงและที่สำคัญเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีการสนับสนุนจากรัฐบาลและปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้การใช้งาน EV มีความยั่งยืน ในปัจจุบันธุรกิจต่างๆ จึงเริ่มหันมาใช้ EV มากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ Logistics ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการด้านการขนส่งโดยตรง
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ
- Green Logistics คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร
- แนวโน้มและโอกาสการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV)
- การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) จากรัฐบาล
- บริการโลจิสติกส์ทั้งคลังและขนส่งสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาดยานยนต์โดยเฉพาะ
- บทสรุป ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของยานยนต์ไฟฟ้า (EV)

Green Logistics คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร
Green Logistics เป็นการผสมผสานระหว่างการดูแลสิ่งแวดล้อมกับธุรกิจ Logistics เข้าด้วยกัน โดยเป้าหมาย คือ :
- ลดผลกระทบที่เป็นมลพิษจากการดำเนินกิจกรรมด้าน Logistics ไม่ให้ส่งผลอันตรายต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม
- ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของกระบวนการต่างๆ ในระบบ Logistics ทั้งการจัดเก็บสินค้าคงคลัง การขนย้าย การบรรจุหีบห่อ และการขนส่ง
- ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของการดำเนินงาน Logistics ยังคงอยู่ในระดับสูงสุด
ประโยชน์ที่สำคัญของการทำธุรกิจรูปแบบ Green Logistics
โดยปกติแล้ว Supply Chain ต้องรับผิดชอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก การปฏิบัติตามแนวทาง Green Logistics จึงช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซและมลพิษต่างๆ และยังเป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดขยะให้เหลือน้อยด้วยการนำมารีไซเคิล ช่วยให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
นอกจากนี้ Green Logistics จะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจตระหนักถึงทุกการกระทำที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของภาพลักษณ์และชื่อเสียง ช่วยดึงดูดและรักษาลูกค้าไว้ได้ เพราะในปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่จะสนับสนุนธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
Green Logistics จึงเป็นข้อเสนอแบบ win-win-win เนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อทั้งสิ่งแวดล้อม ธุรกิจ และผู้บริโภค เมื่อโลกให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนมากขึ้นเท่าไหร่ Green Logistics ก็จะมีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น
Green Technology ตัวช่วยสำหรับธุรกิจ Logistics ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ยังเป็นที่คาดหวังว่าโมเดลธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเครื่องมือเหล่านี้จะวิเคราะห์ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับระดับสินค้า ยานพาหนะและเส้นทางการจัดส่ง เพื่อช่วยธุรกิจในการลดการปล่อยคาร์บอนในแต่ละวัน สำหรับตัวอย่าง Green Technology ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย นั่นคือ ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV
ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ย่อมาจาก Electric Vehicle ซึ่งไม่ได้หมายถึงรถยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงยานพาหนะที่ใช้ขนส่งของหนักอย่างรถบรรทุก การขนส่งทางทะเล เครื่องบิน สกูตเตอร์ จักรยาน หรือรถจักรยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้ไม่มีควันไอเสียที่ปล่อยมลพิษสู่อากาศ แตกต่างจากการใช้น้ำมันที่ขับเคลื่อนโดยการใช้การจุดระเบิดเผาไหม้
โดย EV แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ คือ
- ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานผสม หรือ ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle, HEV)
- ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานผสมแบบเสียบปลั๊ก หรือ ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle, PHEV)
- ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV)
- ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle, FCEV) ซึ่งอยู่ระหว่างการวิจัย ยังไม่มีการใช้ในเชิงพาณิชย์

แนวโน้มและโอกาสการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV)
ตลาด EV เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด (Clean Energy) ที่มี Dynamic มากที่สุด ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นทำให้มีรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นเกือบ 9% ของตลาดรถยนต์ทั่วโลกและส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากปี 2019
- การพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทำให้ EV รุ่นใหม่จำนวนมากสามารถใช้งานได้ในระยะทางมากกว่า 480-640 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 100% แต่ EV ส่วนใหญ่ที่สามารถขับขี่ในระยะทางที่มากกว่าปกติมักจะมีราคาที่แพงกว่าเช่นกัน รวมถึงการสร้างความไว้วางใจเรื่องความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการระบายความร้อนจะช่วยเกิดความต้องการใช้งาน EV มากขึ้น
- การเพิ่มขึ้นของสถานีชาร์จ EV หรือ EV Charging Station
ในอดีตสถานีชาร์จ EV เป็นสิ่งหายากโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่พักอาศัยในอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดที่ไม่สามารถติดตั้งจุดชาร์จเองได้ และในพื้นที่ห่างไกลที่มีจำนวนสถานีชาร์จ EV น้อยกว่าในตัวเมือง แต่ปัจจุบันสถานีชาร์จ EV กำลังกลายเป็นมาตรฐานเหมือนปั๊มน้ำมันทั่วไป สถานีชาร์จ EV ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สาธารณะบวกกับแบตเตอรี่รูปแบบใหม่ที่ทำให้ใช้งานได้นานขึ้น ทำให้อุปสรรคในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตจึงลดลง ส่งผลให้มีการใช้งาน EV บนท้องถนนมากขึ้น
- เริ่มมีการผลิตและใช้รถบรรทุกไฟฟ้า
การผลิตและการนำรถบรรทุกไฟฟ้ามาใช้อาจช้ากว่ารถยนต์ไฟฟ้า แต่เมื่อนวัตกรรมด้านแบตเตอรี่พัฒนาขึ้น และด้วยนโยบายของหลายประเทศที่ออกคำสั่งห้ามใช้และมีการเก็บภาษีสำหรับยานพาหนะที่ปล่อยคาร์บอนในอนาคต คาดว่าจะเห็นรถบรรทุกไฟฟ้าเพิ่มขึ้นบนท้องถนนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และอย่างที่ทราบกันว่าการดำเนินงาน Logistics ผลิตก๊าซเรือนกระจกถึงจำนวนมาก ซึ่งจำนวนเกือบ 1 ใน 4 นั้นเกิดจากรถบรรทุกและรถตู้ในการขนส่ง ทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดมลภาวะ ทั้งลดมลพิษทางเสียงและมลพิษทางอากาศบนท้องถนนได้
- นวัตกรรมการขับขี่อัตโนมัติ
ยานยนต์แบบไร้คนขับไม่ได้มีอยู่แค่ในนิยายอีกต่อไป เพราะในปัจจุบันมีรถยนต์ที่สามารถขับขี่อัตโนมัติได้ในบางส่วน ซึ่งความสามารถในการขับขี่อัตโนมัติในรถยนต์กำลังพัฒนาขึ้นเนื่องจากการปรับปรุงนวัตกรรมทางเทคโนโลยี การอัปเดท Machine Learning และ AI สำหรับในอนาคตหากรถบรรทุกขนส่งสินค้าสามารถแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติได้เหมือนรถยนต์ จะช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนด้านการขนส่งได้จำนวนมาก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในปัจจุบัน ธุรกิจทั่วโลกต่างพยายามปรับตัวเพื่อรับมือกับปัญหาภาวะโลกร้อนและการขาดแคลนพลังงานเชื้อเพลิงที่นับวันยิ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและภาคเศรษฐกิจ แวดวงโลจิสติกส์เองก็เช่นเดียวกัน เพราะทั้งกระบวนการบริหารคลังสินค้าไปจนถึงการขนส่งล้วนใช้พลังงานมหาศาล แล้วผู้ประกอบการจะมีแนวทางอย่างไรเพื่อเปลี่ยนให้ทุกกระบวนการก้าวไปสู่ความ “กรีน” ได้มากที่สุด?
อ่านเพิ่มเติม : EV FORKLIFT รถยกพลังงานไฟฟ้า ปฏิวัติคลังสินค้าสายกรีน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------

การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) จากรัฐบาล
การเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานและผลักดันสภาพแวดล้อม (Ecosystem) สำหรับการลงทุน New S-Curve ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
- ารลงทุนของโรงงานผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่สำคัญ รวมมีกำลังการผลิต 5 กิกะวัตต์ภายในปี 2566 ซึ่งถือว่ามีกำลังการผลิตที่สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนในขณะนี้
- การเพิ่มสถานีชาร์จ EV (EV Charging Station) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศอีกจำนวน 5,000 หัวจ่าย และในพื้นที่ EEC อีก 300 แห่งภายในปี 2565 เพื่อรองรับการใช้รถ EV ในอนาคต
- การดัดแปลงรถเครื่องยนต์สันดาปเป็นรถแบตเตอร์รี่ไฟฟ้า (EV Conversion) เพื่อให้ไทยมีสัดส่วนการใช้รถ EV ในประเทศเป็น 30% ภายในปี 2573 สอดคลองกับเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย
- การพัฒนาทักษะบุคคลากรด้านการผลิตชิ้นส่วนรถ EV และแบตเตอรี่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรม EV ตามแนวทาง Demand-Driven รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมและการพัฒนาความสามารถโดยร่วมมือกับบริษัทเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC
- การตั้งศูนย์ทดสอบและรับรองมาตรฐานยานยนต์ รวมทั้งศูนย์วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ภายในพื้นที่ EEC
- การสนับสนุนอุตสาหกรรมรีไซเคิลแบตเตอรี่ หรือการแปรสภาพแบตเตอรี่ที่หมดอายุแล้วเป็นแหล่งกักเก็บพลังงาน รวมทั้งการสกัดวัตถุดิบภายในแบตเตอรี่เพื่อนำมาใช้ใหม่
การกำหนดทิศทางการพัฒนาและขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนฯ โดยเป็นมาตรการระยะสั้นระหว่างปี 2565 - 2568
- ช่วงปี 2565 - 2566 จะให้ความสำคัญกับการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของผู้ประกอบการในไทยผ่านการยกเว้นหรือลดอากรนำเข้า ลดอัตราภาษีสรรพสามิต และ/หรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนด เพื่อเพิ่มความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวม
- ช่วงปี 2567 - 2568 จะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก โดยยกเลิกการยกเว้น/ลดอากรนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) แต่ยังคงมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิต และ/หรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนดต่อไป เพื่อทำให้ต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคันที่นำเข้าสูงกว่ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ ลดการนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเร่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ รองรับความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น
SCG Logistics เข้าใจในความต้องการของลูกค้า จึงได้ออกแบบบริการโลจิสติกส์ทั้งคลังและขนส่งสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาดยานยนต์โดยเฉพาะ
1. บริการขนส่งระหว่างประเทศ
เอสซิจี โลจิสติกส์ บริษัทผู้ให้บริการนำเข้า- ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศแบบครบวงจรทั้ง Sea Freight, Air Freight, Transportation พิธีการศุลกากร และการจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับผ่านบริการนำเข้า-ส่งออก ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วยในราคาที่คุ้มค่า ภายใต้การจัดการการขนส่งแบบมืออาชีพ ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และ ครบถ้วน
2. บริการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า
การบริหารจัดการคลังสินค้า ของเอสซีจี โลจิสติกส์ คือการจัดการคลังสินค้าภายใต้แนวคิด Micro Warehouse Management ซึ่งคลังสินค้าแต่ละแห่งสามารถทำหน้าที่แบบ Multi-purpose Warehouse (3 M; Multi Functions, Multi-Storage type, Multi-Customer) เพื่อตอบสนองความต้องการและขับเคลื่อนธุรกิจของลูกค้าที่มีความหลากหลาย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายใต้การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ เอสซีจี โลจิสติกส์ ยังมีแนวคิดการจัดเก็บสินค้าภายใต้แบบ Multi-Customer หรือ Space Sharing Platform ซึ่งหมายถึงคลังสินค้าที่รวบรวมลูกค้าหลาย ๆ เจ้าเข้ามาจัดเก็บในพื้นที่เดียวกัน ผ่านรูปแบบการจัดเก็บสินค้าที่มีความหลากหลายเพื่อรองรับบริการจัดการคลังสินค้าและการจัดเก็บสินค้าทุกประเภท ทุกขนาด ผ่านการการจัดเก็บสินค้าแบบ Multi-Storage type
และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในห่วงโซ่อุปทานและเพื่อผลักดันศักยภาพในการแข่งทางธุรกิจให้กับลูกค้า เอสซีจี โลจิสติกส์ จึงบูรณาการความสามารถทางด้านโลจิสติกส์ในการสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจของลูกค้า โดยเฉพาะธุรกิจสินค้าไอทีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น
- บริการซ่อมบำรุงรักษาเบื้องต้น (minor maintenance)
- บริการประกอบสินค้า หรือการประกอบชิ้นส่วนสินค้า (Kitting Process/ Minor assembly)
- Dead-On-Arrival (DOA)/ Refurbished check
- การถอดชิ้นส่วนอะไหล่จากเครื่องเสียเพื่อใช้เป็นอะไหล่ทดแทน (Parts Cannibalization)
----------------------------------------------------------------------------------------
เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล จับมือ เอสซีจี Logistics ลงนามเซ็นสัญญาเป็นผู้ให้บริการด้านการดูแลบำรุงรักษารถยกไฟฟ้าของ BYD (Electric Forklift) เพื่อเสริมกำลังการให้บริการแบบครบวงจร (Total Service Solution) ตอบโจทย์การขยายตัวของธุรกิจ และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาระบบ Green Logistic ที่สามารถช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงช่วยประหยัดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานของผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว BCG (Bio – Circular – Green Economy) ที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ เอสซีจี โลจิสติกส์ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจจากการใช้ประสบการณ์และความชำนาญที่มี นำมาขยายธุรกิจการให้บริการ EV Forklift ร่วมกับ เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล ด้วยการร่วม เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านการบำรุงรักษา ซ่อมแซม รถยกไฟฟ้า ให้แก่ลูกค้าในเครือเอสซีจีและผู้ประกอบการทั่วไป เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวก รวดเร็ว จากทีมงานคุณภาพที่มีประสบการณ์
----------------------------------------------------------------------------------------
สอบถามรายละเอียดบริการ คลิก หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-710-4000 / 02-586-1979 และช่องทางไลน์ LINE : @SCGJWD

บทสรุป ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
แม้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) จะเป็นตัวเลือกหลักสำหรับรถตู้และรถบรรทุกส่งของ แต่ยานพาหนะเหล่านี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศจำนวนมาก และยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงกว่ามาก แตกต่างจาก EV ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ไม่มีการปล่อยไอเสีย จึงส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศได้ อีกทั้งในทุกๆ ปี การผลิตยานยนต์ไฟฟ้ายังคงมี Carbon Footprint ที่ต่ำลง และยังลดการพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล เนื่องจากผู้ผลิตให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานทดแทน อย่างพลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
ที่มา
dfreight.org/blog/green-logistics-the-way-of-the-future/
frotcom.com/blog/2022/04/green-logistics-technology-key-trends-reduce-your-carbon-footprint
greenlancer.com/post/ev-market-trends
evolveetfs.com/2021/12/ev-revolution-investing-opportunities-in-electric-cars/
thaigov.go.th/news/contents/details/51601
salika.co/2022/07/29/eec-hdc-ad-and-ev-conversion/
bangkokbiznews.com/auto/1020730
thaigov.go.th/news/contents/details/57659