การบริหารคลังสินค้า

เทคนิคการบริหารคลังสินค้าและจัดการสต๊อกแบบมือโปรด้วยโปรแกรมจัดการคลังสินค้า

การบริหารคลังสินค้า เป็นการจัดการคลังสินค้า ตั้งแต่การรับ การจัดเก็บ การคัดแยก การจัดส่งสินค้า เพื่อให้คลังสินค้าสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและคุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นการบริหารคลังสินค้าให้ดีสำคัญพอ ๆ กับการทำการตลาด เพราะหากเกิดปัญหาสินค้าขาดจนส่งไม่ทัน หรือมี Dead Stock เยอะจนพื้นที่การจัดเก็บไม่เพียงพอ หรือจำนวนสินค้าคงเหลือมีไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในระบบ ย่อมกระทบต่อต้นทุนและแผนการขายในระยะยาวได้ ถ้าอยากจบปัญหาตั้งแต่ที่ต้นเหตุ เรามาดูเทคนิคการบริหารคลังสินค้าแบบมือโปรด้วยตัวช่วย อย่างโปรแกรมจัดการคลังสินค้ากันดีกว่า

โปรแกรมจัดการคลังสินค้า ตัวช่วยการบริหารคลังสินค้าที่คุณไม่มีไม่ได้!

เมื่อก่อน เวลานับสต๊อกสินค้า หลายคนคงจะคุ้นเคยกับการเขียน Tag และทำไฟล์ Excel นับสต๊อกเมื่อไหร่ก็แค่บันทึกไว้ แต่เมื่อธุรกิจขยายตัว ประกอบกับการซื้อขายในปัจจุบันมีหลายช่องทางให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการขายผ่าน Social Media, Marketplace หรือช่องทางออฟไลน์ ซึ่งหลายธุรกิจหันมาเปิดช่องทางการขายมากกว่า 1 ช่องทาง (Omni Channel) เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตัวเองและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า การจัดการคลังสินค้าแบบเดิม ๆ ที่ใช้คนบันทึกอาจไม่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความเร็วและความถูกต้อง บริษัทโลจิสติกส์หลายเจ้าจึงได้พัฒนา “โปรแกรมจัดการคลังสินค้า” เพื่อใช้ทำงานร่วมกับการให้บริการเช่าคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งข้อดีของระบบนี้ที่เข้ามาปิดจุดอ่อนของการนับสต๊อกก็คือ

  1. การบริหารคลังสินค้าเป็นไปอย่างสะดวก โดยเฉพาะการจัดการสินค้าคงคลัง เพราะระบบจะช่วยให้เรารู้จำนวนที่แม่นยำกว่า รองรับสินค้าจำนวนมาก ด้วยระบบที่สามารถบันทึกและติดตามจำนวนสินค้าคงเหลือแบบเรียลไทม์โดยแยกตาม SKU ของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นรุ่น สี ขนาด หรือล็อตการผลิต เป็นต้น
  2. ค้นหาสินค้าได้ง่ายและรวดเร็ว ลดระยะเวลาระหว่างขั้นตอน
  3. สะดวกต่อการวางแผนตัดสต๊อกหรือสั่งผลิตเพิ่ม
  4. การบันทึกสินค้าเข้าระบบช่วยตอบโจทย์การหยิบสินค้าแบบ First In First Out (FIFO)
    หรือ First Expire First Out (FEFO) ได้ง่ายกว่าการจัดการคลังแบบ Manual
  5. มีกระบวนการและวิธีการจัดการที่ได้มาตรฐานเป็นมืออาชีพ

เทคนิคจัดการคลังสินค้าด้วยวิธีนับสต๊อก 4 แบบ

การนับสต๊อกสินค้าแต่ละแบบเหมาะกับปัจจัยที่แตกต่างกันไปตามแต่ละธุรกิจ เราไปดู 4 วิธีหลัก ๆ ที่คลังสินค้าส่วนใหญ่นิยมใช้ร่วมกับโปรแกรมจัดการคลังสินค้า และเลือกวิธีที่เหมาะกับธุรกิจของตัวเองที่สุดกันดีกว่า

Cycle Count

สำหรับร้านค้าขนาดเล็ก การนับสต๊อกทั้งหมดในคลังสินค้าอาจเป็นเรื่องง่าย ด้วยจำนวน SKU และจำนวนสินค้าที่ไม่มากนัก แต่สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ มีสินค้าเข้าออกแต่ละครั้งในปริมาณมาก นิยมใช้การบริหารคลังสินค้าให้ออกมาราบรื่นที่สุดด้วยวิธีนับสต๊อกแบบ Cycle Count โดยนับสินค้าคงเหลือทีละโซนหรือหมวดหมู่เป็นรอบ ๆ ไป เช่น ในสัปดาห์หรือเดือนนี้จะนับสต๊อกของสินค้าในหมวดนี้ พอถึงสัปดาห์หรือเดือนถัดไปจึงย้ายไปนับสินค้าอีกหมวด วนไปจนครบ โดยใช้โปรแกรมจัดการคลังสินค้าเข้ามาช่วย

Check Move

Check Move เป็นการนับจำนวนสินค้าคงคลังเพื่อดูว่าสินค้าตัวไหนขายดี ตัวไหน move หรือไม่ move ด้วยสาเหตุอะไร เพราะสินค้าที่ค้างสต๊อกเป็นเวลานานเกินไปย่อมทำให้เสียต้นทุนในการเก็บรักษา และเสียพื้นที่ที่คุณควรใช้เก็บสินค้าชิ้นอื่น ๆ ไปโดยเปล่าประโยชน์ วิธีนับสต๊อกแบบนี้จะเอื้อต่อการบริหารคลังสินค้าและวางแผนการขายว่าจะหั่นราคาหรือจัดโปรโมชันอย่างไรเพื่อล้างสต๊อก

Spot Count (Ad hoc Count)

Spot Count เป็นการนับสต๊อกที่อยู่นอกเหนือการวางแผน ไม่ได้รวมอยู่ใน cycle การนับในรอบปกติ ซึ่งวิธีนี้จะถูกนำมาใช้เมื่อสินค้าในหมวดนั้น ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือระบบบางอย่างเกิดความผิดพลาด คุณจึงต้องนับสินค้าเฉพาะหมวดนั้นใหม่ เมื่อนับเสร็จแล้วสามารถอัปเดตข้อมูลกับโปรแกรมจัดการคลังสินค้าได้เลย

Tag Count

การนับสต๊อกด้วย Tag เป็นวิธีการดั้งเดิมที่สามารถนำมาปรับใช้ได้กับห้องเก็บสินค้าภายในร้าน ที่อาจไม่มีพื้นที่มากเหมือนคลังสินค้าขนาดใหญ่ โดยแขวน Tag ไว้แล้วให้พนักงานผลัดกันนับ หากผิดพลาดก็สามารถแก้ไขกันได้ ก่อนที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปบันทึกในระบบอีกที จึงเหมาะกับธุรกิจ SMEs หรือใครที่จำหน่ายสินค้าอย่างเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ หรือวัตถุดิบไซส์ใหญ่ที่ไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคหรือวัสดุก่อสร้าง

5 เหตุผลที่คุณต้องให้ความสำคัญกับการบริหารคลังสินค้า

  1. ลดปัญหาความไม่พอดีของสินค้าคงคลัง เช่น สินค้าขาดเพราะคำนวณผิดพลาดและไม่ได้สั่งผลิตให้สอดคล้องกับยอดขาย หรือมีของค้างสต๊อกมากเกินไปจนอาจตกรุ่นและขายไม่ออก การบริหารคลังสินค้าที่ดีด้วยโปรแกรมทันสมัยจะช่วยให้คุณวางแผนรีสต๊อกหรือเคลียร์สินค้าได้อย่างเหมาะสม
  2. ลดปัญหาสินค้าเน่าเสียจนเกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (Additional Cost) เพราะมีโปรแกรมจัดการคลังสินค้าที่เอื้อต่อการทำ FIFO และ FEFO
  3. การบริหารคลังสินค้าที่ดีจะช่วยลดเวลาระหว่างขั้นตอน และสามารถกระจายสินค้าสู่ปลายทางได้เร็วขึ้น เพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า
  4. การบริหารคลังสินค้าที่ดีจะช่วยให้คุณหมุนเวียนของในคลังได้อย่างเหมาะสม ลดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่เกินความจำเป็น
  5. หากตรวจนับสินค้าไม่ดี อาจส่งผลให้ตัวเลขในงบการเงินไม่ถูกต้องและมีผลต่อการเสียภาษีในภายหลัง

SCGJWD พร้อมเป็นผู้ช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจจัดการสต๊อกได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยบริการให้เช่าคลังสินค้าและโปรแกรมจัดการคลังสินค้าที่มีระบบจัดการทันสมัย พร้อมทีมเจ้าหน้าที่มืออาชีพ มีศูนย์กระจายสินค้าอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ และเทคโนโลยีในการจัดเก็บ หยิบ และจัดเรียงอย่างครบวงจร ช่วยให้คุณนับสต๊อกและบริหารคลังได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

สนใจบริการการบริหารคลังสินค้า หรือการจัดการคลังสินค้า หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-710-4000 / 02-586-1979 และช่องทางไลน์ LINE : @SCGJWD

ที่มา :
www.easyship.com
www.to-increase.com
www.skuvault.com
www.efulfillmentservice.com

Service Recommended