เขตปลอดอากร (Free Zone) เป็นหนึ่งในเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ เพื่อช่วยลดต้นทุน แต่คงไว้ซึ่งคุณภาพของสินค้า เพราะเมื่อพูดถึงเรื่องการประกอบกิจการ เรื่องต้นทุนและผลกำไรถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อกิจการทุกรูปแบบ โดยเฉพาะกิจการผลิตสินค้า กิจการอุตสาหกรรม รวมถึงกิจการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศที่มีต้นทุนค่อนข้างสูง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าของกิจการต้องบริหารค่าใช้จ่ายให้มีต้นทุนที่ต่ำ แต่รักษาคุณภาพของสินค้าไว้เสมอ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่สามารถลดต้นทุนได้มากแต่แทบจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพสินค้าเลย คือ การนำสถานประกอบการไปตั้งอยู่ในเขตปลอดอากร สำหรับผู้ที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรม หรือการใช้บริการคลังสินค้าเขตปลอดอากร สำหรับผู้ที่ประกอบกิจการนำเข้า ส่งออก เพื่อให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีอากรหลายประเภท
เขตปลอดอากร คืออะไร ?
กรมศุลกากร ได้อธิบายความหมายของ เขตปลอดอากรไว้ว่า เขตพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อประโยชน์ทางอากรศุลกากรในการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ โดยผู้ที่ประสงค์จะจัดตั้งเขตปลอดอากรต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมศุลกากรเท่านั้น
ส่วนคลังสินค้าปลอดอากร หรือที่เรียกว่าคลังฟรีโซน (Free Zone) คือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากรให้ใช้สำหรับการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยของที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากรจะได้รับการยกเว้นภาษีอากรขาเข้า และเมื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรจะได้รับการยกเว้นภาษีอากรขาออกด้วยเช่นกัน
คลังสินค้าเขตปลอดอากร มีข้อดีอย่างไร ?
สำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการภายในเขตปลอดอากร จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีตามที่กรมศุลกากรกำหนด ได้แก่ การยกเว้นอากรขาเข้า-ขาออก, ภาษีสรรพสามิต, และ ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0% โดยเฉพาะในกรณี การขายหรือโอนสินค้าในเขตปลอดอากร จะถือว่าเป็นการขายนอกราชอาณาจักร ตามมาตรา 80/1 (2) แห่งประมวลรัษฎากร จึงสามารถใช้สิทธิ VAT 0% ได้ ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ทั้งหมดต้องเป็นไปตามกฎระเบียบที่กรมศุลกากรกำหนดไว้สำหรับเขตปลอดอากร
โดยสามารถสรุปข้อดีของคลังสินค้าประเภทนี้ได้ ดังนี้
- ได้รับการยกเว้นภาษีอากรขาเข้า : ของที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากรจะได้รับการยกเว้นภาษีอากรขาเข้า ทำให้ลดต้นทุนในการนำเข้าสินค้า
- ได้รับการยกเว้นภาษีอากรขาออก : เมื่อส่งของออกจากเขตปลอดอากรไปยังต่างประเทศ จะได้รับการยกเว้นภาษีอากรขาออก
- เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการสินค้า : สามารถจัดเก็บ แปรรูป หรือประกอบสินค้าในเขตปลอดอากรได้โดยไม่ต้องชำระภาษีอากรทันที
- ส่งเสริมการส่งออก : ช่วยลดภาระภาษีและต้นทุนในการส่งออกสินค้า ทำให้สินค้ามีความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศมากขึ้น
- สนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ : เขตปลอดอากรเป็นแรงจูงใจให้กับนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหรือกระจายสินค้า
นอกจากนี้ สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากรบางพื้นที่ ยังจะได้รับการยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมการนำเข้ามาในราชอาณาจักร การส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การครอบครองหรือการใช้ประโยชน์ซึ่งของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร หรือวัตถุดิบภายในราชอาณาจักร ซึ่งนำเข้าไปในเขตปลอดอากร เพื่อผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นใดกับของนั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
ของที่มีกฎหมายให้คืนหรือยกเว้นอากรเมื่อส่งออก
ตามกฎหมายศุลกากรของประเทศไทย มีของบางประเภทที่เมื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรแล้ว สามารถขอคืนหรือยกเว้นอากรได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ของที่ส่งออกภายในหนึ่งปีโดยไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะหรือรูป : หากของที่นำเข้ามาได้รับใบสุทธิสำหรับนำกลับเข้ามาแล้ว และส่งออกภายในหนึ่งปีโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะหรือรูป สามารถขอคืนอากรได้
- วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก : วัตถุดิบที่เห็นได้ชัดเจนว่าอยู่ในของที่ผลิตเพื่อส่งออก เช่น ผ้า กระดุม ซิป ด้าย ในผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก แผ่นพลาสติก สามารถขอคืนอากรได้ตามมาตรา 29
- ของที่นำเข้ามาเพื่อซ่อมแซมและส่งกลับออกไป : ของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อซ่อมแซมและส่งกลับออกไปโดยยกเว้นอากรตาม พ.ร.บ. พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ภาค 4 ประเภท 2
การขอคืนหรือยกเว้นอากรดังกล่าวต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและขั้นตอนที่กรมศุลกากรกำหนดอย่างเคร่งครัด
คุณสมบัติของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
ผู้ที่สามารถขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากรได้ ต้องเป็นนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กรมศุลกากรกำหนดเท่านั้น ได้แก่
- เป็นนิติบุคคล
- กรณีเป็นบริษัทจำกัด ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
- ยกเว้นกรณีที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือพื้นที่โครงการเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
- ได้รับความยินยอมจากผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากร
- เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองในที่ดิน หรือพื้นที่ที่ขอประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
- มีฐานะการเงินมั่นคง โดยพิจารณาจากงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตรับรอง ซึ่งต้องไม่มีผลการดำเนินงานขาดทุนสะสมเกินกว่าร้อยละห้าสิบของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว
- กิจการที่ดำเนินการต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเขตปลอดอากรเท่านั้น
เช่าคลังสินค้าเขตปลอดอากรดีหรือไม่ ?
การเช่าคลังสินค้าในเขตปลอดอากร (Free Zone Warehouse) กำลังเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้ประกอบการที่มีการนำเข้าส่งออก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการ ลดต้นทุนภาษีและเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการสินค้า โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มเหล่านี้
- ผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพื่อส่งออกต่อไปยังประเทศที่ 3
- ผู้ผลิตที่นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเพื่อนำมาประกอบ-แปรรูปก่อนส่งออก
- บริษัทที่ต้องจัดเก็บสินค้าชั่วคราวโดยไม่ต้องการชำระภาษีอากรทันที
- ธุรกิจ Cross-border eCommerce ที่ต้องการ Hub สำหรับการกระจายสินค้าในอาเซียน
บริการจัดการคลังสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิในเขตปลอดอากรของ SCGJWD
เมื่อรู้สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากคลังสินค้าในเขตปลอดอากรแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีผู้ประกอบกิจการรายไหนไม่สนใจ ซึ่ง SCGJWD ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลังสินค้าในเขตปลอดอากร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา คิดและออกแบบพัฒนาซัพพลายเชนโซลูชันเพื่อให้ตอบความต้องการของแต่ละธุรกิจมากที่สุด บริการจัดเก็บและบริหารสินค้า จัดการทุกขั้นตอนศุลกากร ตลอดจนการขนส่งกระจายสินค้าภายในประเทศและข้ามแดน และบริการเสริมมากมาย
นอกจากนี้ SCGJWD ยังเป็นผู้ริเริ่มให้บริการคลังสำหรับปลอดอากรเป็นรายแรกที่ได้รับการอนุมัติจากกรมศุลกากรในการจัดตั้งพื้นที่คลังสำหรับเขตปลอดอากรในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังและคลังปลอดอากรสำหรับสินค้าควบคุมอุณหภูมิ SCGJWD จึงมีความเชี่ยวชาญและคำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ด้านการงดเว้นอากรได้หลากหลายโมเดลที่ตอบโจทย์แต่ละธุรกิจ
สนใจบริการคลังสินค้าในเขตปลอดอากร ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริการคลังสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าฟรีโซนของเรา หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-710-4000 / 02-586-1979 และช่องทาง LINE : @SCGJWD