‘คลังสินค้า’ (Warehouse) ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนและสร้างความสมดุลในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) หรือกระบวนการจัดการการผลิตเพื่อทำให้เกิดสินค้าหรือบริการ ในแง่ของแหล่งที่ใช้เก็บทั้งวัตถุดิบสำหรับใช้ในการผลิต (Raw Material) สินค้าสำเร็จรูป หรือสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วรอส่งลูกค้า (Finished Goods) ดังนั้น การมีคลังสินค้า และการบริการจัดการคลังสินค้าที่ดีจึงช่วยลดปัญหาวัตถุดิบไม่พอผลิต ทำให้การผลิตดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถจัดส่งสินค้าได้ทันเวลา รวมทั้งช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ ก่อให้เกิดสภาพคล่องและผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment) ในเวลาอันรวดเร็ว คลังสินค้าและการบริการจัดการคลังสินค้าจึงนับเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การประกอบธุรกิจค้าขายบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้
การบริหารคลังสินค้า คืออะไร?
การบริหารคลังสินค้า (Warehous Management) หมายถึง กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม การจัดการ การบริหาร และการจัดระเบียบกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในคลังสินค้า ครอบคลุมตั้งแต่การรับ การเก็บ การดูแล การหยิบ การบรรจุ ตลอดจนการส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับเพื่อการขายหรือการบริโภค การบริหารคลังสินค้ามีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการต่าง ๆ ให้มากที่สุด ทั้งการลดระยะทางในการเคลื่อนย้าย การใช้พื้นที่และปริมาตรในการจัดเก็บ และรักษาระดับการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการบริหารภายใต้ต้นทุนที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าในการลงทุน และช่วยให้เกิดความพร้อมเมื่อธุรกิจต้องเผชิญกับภาวะการเปลี่ยนแปลงของตลาด ซึ่งการบริหารคลังสินค้าประกอบไปด้วยกระบวนการหลัก ๆ ดังนี้
1. การรับสินค้าคงคลัง (Receiving Inventory)
เป็นการรับสินค้าเข้ามาสต็อกในคลัง ตลอดจนการจัดทำเอกสารในการรับสินค้า ไม่ว่าจะเป็นจากการผลิตของโรงงานหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะมีผลทำให้รายละเอียดในการปฏิบัติงานรับสินค้าแตกต่างกันออกไปอย่างไรก็ตาม การดำเนินวิธีการรับที่รวดเร็วและถูกต้องจะทำให้การบริหารคลังสินค้ามีประสิทธิผลมากขึ้น
2. การจัดเก็บสินค้าคงคลัง (Storing Inventory)
เป็นการจัดหมวดหมู่สินค้าตามพื้นที่ต่าง ๆ ของคลังสินค้าอย่างเป็นระเบียบเช่น การขนย้ายสินค้าเข้าสู่แถว ชั้นวางสินค้า หรือตำแหน่งอื่น ๆ และการรับรองความถูกต้องในเรื่องของชื่อ แบบ หมายเลข หรือข้อมูลอื่นจำเพาะของสินค้ารายการนั้น และอาจหมายถึงการบันทึกเอกสารเก็บรักษาที่เกี่ยวข้อง เช่น บัตรตำแหน่งเก็บ ป้ายประจำกอง เป็นต้น
3. การเลือกและการบรรจุ (Picking and Packing)
เป็นการเลือกหยิบสินค้าจากพื้นที่ต่าง ๆ ในคลังสินค้ามารวมกันไว้ยังพื้นที่จัดส่งเพื่อการตรวจสอบความถูกต้องและพิสูจน์ให้แน่นอนว่าเป็นไปตามหลักฐานการสั่งจ่ายหรือตามความต้องการของผู้รับ และนำมาบรรจุตามขั้นตอน ซึ่งสินค้าอาจถูกจัดเก็บในกล่อง หีบห่อ พาเลท หรือตู้คอนเทนเนอร์และมีการติดสลาก บาร์โค้ด การบันทึกข้อมูลเพื่อเตรียมส่งสินค้าออกจากคลัง
4. การจัดส่ง (Shipping)
เป็นการส่งมอบผลิตภัณฑ์ออกจากคลังสินค้าไปสู่ผู้ค้าปลีกและผู้บริโภคในขั้นตอนสุดท้าย โดยผู้ประกอบการอาจดำเนินการด้านการขนส่งด้วยตนเองหรือว่าจ้างบุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญเพื่อจัดส่งแทน ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
การบริหารคลังสินค้า สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจของคุณ?
การมีระบบบริหารคลังสินค้าและบริการจัดการคลังสินค้าที่ดี จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการสามารถจัดระเบียบสินค้าจำนวนมาก ๆ ได้ง่ายขึ้น ช่วยลดการพึ่งพาแรงงาน ลดเวลา เพิ่มความถูกต้องของจำนวนสินค้าคงคลัง ปกป้องผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง หรือการรักษาสินค้าควบคุมอุณหภูมิให้ปลอดภัยด้วยวัสดุและอุปกรณ์ที่เหมาะสม รวมทั้งทำให้การขนส่งหรือการจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์
ในกรณีที่ธุรกิจต้องการพื้นที่เก็บสินค้ามากขึ้นก็สามารถรองรับความต้องการ และการขายได้จำนวนมากโดยใช้คลังสินค้าหลายแห่งเพื่อการถ่ายโอนสินค้าคงคลังระหว่างคลังสินค้า จึงทำให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในไม่ช้า
รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) หนึ่งในเครื่องมือสำคัญในคลังสินค้า
รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) เป็นเครื่องจักรที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในด้านอุตสาหกรรม นับเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ใช้ภายในคลังสินค้า ตัวเครื่องทำงานด้วยกลไกระบบไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ มีงาด้านหน้าเพื่อสอดและยกสินค้าที่มีขนาดใหญ่และหนักเกินกว่ากำลังคนจะยกได้ เพื่อลดโอกาสผิดพลาดในแง่ของการเกิดความบาดเจ็บแก่พนักงาน หรือในแง่ของอุบัติเหตุที่ทำให้ตัวสินค้าเสียหายในการขนส่งด้วยแรงงานคน (Human Error)
การใช้รถโฟล์คลิฟท์ จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น สามารถเข้าถึงที่เก็บสินค้าที่สูงได้โดยที่ไม่ต้องปีนขึ้นไปเองให้เสี่ยงอันตราย ดังนั้นการซื้อรถโฟล์คลิฟท์เพื่อนำมาใช้ในธุรกิจ จึงถือว่าคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม ก่อนการซื้อต้องคำนึงถึงการจัดซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้ และต้องคำนึงถึงเรื่องการบำรุงรักษาด้วย
คลังสินค้าและการบริหารคลังสินค้า จาก SCGJWD เพื่อธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน
บริษัท SCGJWD มีระบบการบริการจัดการคลังสินค้า เพื่อรองรับความต้องการของทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพิ่มศักยภาพด้านการดำเนินงานและลดค่าใช้จ่ายด้านซัพพลายเชนของธุรกิจ โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าคุณภาพสูง มีระบบหลากหลายประเภทตามความต้องการของผู้ประกอบการ ช่วยให้คุณจัดการสินค้าคงคลังและประสานงานทุกขั้นตอนระหว่างต้นทางและปลายทางได้อย่างแม่นยำ ติดตามและตรวจสอบความคืบหน้าตั้งแต่การบรรจุไปจนถึงการจัดส่งด้วย ระบบ WMS (Warehouse Management System) สำหรับการขยายตัวทางธุรกิจทุกประเภทด้วยนวัตกรรมคุณภาพระดับโลก ซึ่งทางเราสร้างระบบเพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาคลังสินค้า รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารและดูการทำงานทุกขั้นตอนภายในคลังสินค้า นอกเหนือจากบริการจัดการคลังสินค้าแล้วทาง SCGJWD มีบริการซ่อมและบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) อย่างครบวงจร โดยมีรายละเอียดดังนี้
- บริการซ่อมและบำรุงรักษา (Maintenance Service : Preventive, Breakdown) ซึ่งสามารถทำได้ทั้งเครื่องยนต์แบบใช้น้ำมันและแบบ EV
- จำหน่ายยางและน้ำมันหล่อลื่น (Forklift Spare Parts)
- บริการซ่อมบำรุงพร้อมอะไหล่
- บริการซ่อมบำรุงทั้งรูปแบบ Service Center และบริการเคลื่อนที่ Mobile Service
- มีช่างที่ได้รับการอบรมตามมาตรฐานและราคาเป็นกลาง
- ให้บริการสำหรับลูกค้าในพื้นที่จังหวัดสระบุรีและชลบุรี สามารถเข้าไปให้บริการอย่างรวดเร็ว