การนำเข้า (Import) คือ การนำสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่สินค้าที่นำเข้าจะเป็นสินค้าที่ไม่มีจำหน่ายในประเทศ ผลิตในประเทศไม่ได้ หรือมีต้นทุนถูก ส่วนการส่งออก (Export) คือ กระบวนการผลิตและจัดส่งสินค้า หรือขายสินค้าและบริการในประเทศไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยการนำเข้าส่งออก สามารถใช้บริการขนส่งได้หลายประเภททั้งทางบก ทางเรือ หรือทางอากาศ การนำเข้าส่งออก จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ และเป็นตัวชี้วัดสภาพเศรษฐกิจของประเทศด้วย
สถานการณ์นำเข้าส่งออกของไทยปี 2566
สถานการณ์นำเข้าส่งออกในปัจจุบันของประเทศไทย โดยข้อมูลจากกรมศุลกากรระบุว่า การส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม 2566 ขยายตัวขึ้น 4.7% โดยสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (+8.5%) รถยนต์นั่ง (-4.5%) และน้ำมันสำเร็จรูป (+35.9%) สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงสุด ได้แก่ ทองคำ (+7.7 เท่า) น้ำมันสำเร็จรูป (+35.9%) และเหล็กโครงสร้าง (+3.4 เท่า) และสินค้าที่ส่งออกลดลงสูงสุด ได้แก่ มันสำปะหลัง (-94.7%) ทุเรียน (-40.5%) และเครื่องพิมพ์ (-30.4%) ในขณะที่ภาพรวมทั้งปี สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว ยางพารา คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
การนำเข้าในเดือนธันวาคม 2566 หดตัวลง 5.3% หลังจากขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยสินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ น้ำมันดิบ (+4.9%) วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (+9.5%) และก๊าซธรรมชาติ (+19.1%) สินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นสูงสุด ได้แก่ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (+1.5%) ก๊าซธรรมชาติ (+19.1%) และน้ำมันดิบ (+4.9%) และสินค้านำเข้าลดลงสูงสุด ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป(-59.9%) ทองคำ(-34.9%) และถ่านหิน(-47.6%)
ทั้งนี้ การนำเข้าส่งออกของไทย มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่ภาวะเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว และกลับสู่เป้าหมายในช่วงปี 2567 โดยสินค้าที่นับว่าเป็นดาวเด่นที่มีมูลค่านำเข้าส่งออกสูงสุด ในเดือนธันวาคม 2566 ได้แก่
สินค้าที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุด เดือนธันวาคม 2566
- เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า และส่วนประกอบ
- เชื้อเพลิงที่ได้จากแร่ น้ำมันแร่ และผลิตภัณฑ์
- เครื่องจักร เครื่องใช้กล และส่วนประกอบ
- อัญมณี ไข่มุก เครื่องประดับ และโลหะมีค่า
- เหล็กและเหล็กกล้า
สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด เดือนธันวาคม 2566
- เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า และส่วนประกอบ
- เครื่องจักร เครื่องใช้กล และส่วนประกอบ
- ยานยนต์และส่วนประกอบ
- ยางและของทำด้วยยาง
- เชื้อเพลิงที่ได้จากแร่ น้ำมันแร่ และผลิตภัณฑ์
แนวโน้มการนำเข้าส่งออกของไทย ปี 2567
ปี 2567 คาดการณ์ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น การส่งออกของไทยจะขยายตัวเป็นบวกได้ราว 1-2% โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีเสถียรภาพมากขึ้น แรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง การฟื้นตัวของวัฏจักรสินค้าและการสำรองสินค้าเกษตรและอาหารตามความมั่นคงทางอาหาร ทั้งนี้ยังมีหลายปัจจัยที่ผู้ส่งออกจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น เศรษฐกิจและการเมืองของประเทศคู่ค้า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานและต้นทุนสินค้า และผลกระทบจากสภาพอากาศและภัยแล้ง เป็นต้น
สำหรับผู้ประกอบการไทย ทางกระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับภาคเอกชน จัดทำแผนส่งเสริมการส่งออก โดยมีกลยุทธ์สำคัญ ดังนี้
- เปิดประตูโอกาสทางการค้าเชิงรุก สู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพควบคู่ไปกับการรักษาตลาดเดิม
- สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการส่งออก ด้วยแบรนด์ นวัตกรรม การออกแบบ และสอดแทรกด้วยอัตลักษณ์ความเป็นไทย
- ผลักดันภาคธุรกิจไทยปรับตัวเข้าสู่การค้าโลกในยุคดิจิทัล และส่งเสริม Cross-Border E-Commerce
- ผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า ภายใต้มาตรการกีดกันทางการค้าที่เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม
- ยกระดับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย (Logistics Service Providers) และส่งเสริมการสร้าง
เครือข่ายเชื่อมโยงกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในภูมิภาค เพื่อยกระดับประเทศไทยเป็น Logistics Hub ของภูมิภาค
สิ่งสำคัญที่ผู้นำเข้าส่งออกมือใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มธุรกิจ
หากคุณต้องการเริ่มต้นธุรกิจนำเข้าส่งออกระหว่างประเทศ มีข้อมูลสำคัญที่คุณจำเป็นต้องศึกษาและเรียนรู้ก่อนจะเริ่มต้นลงทุนทำธุรกิจ ดังนี้
1. เข้าใจตลาดและกลุ่มเป้าหมาย
แน่นอนว่าคุณไม่สามารถขายสินค้าให้กับคนทั้งโลกได้ ดังนั้นเมื่อคุณคิดจะเริ่มธุรกิจนำเข้าส่งออก สิ่งแรกที่คุณต้องทำ คือ การหาข้อมูลของตลาดและกลุ่มเป้าหมาย ค้นหาความต้องการ หรือสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยม เพื่อจะได้เตรียมสินค้าและราคาที่เหมาะสมสำหรับตลาดนั้น ๆ
2. รู้วิธีการกำหนดราคาสินค้า
การตั้งราคาที่ถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดผลกำไรของธุรกิจ ซึ่งการตั้งราคาสินค้า ต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ราคาตลาด ค่าใช้จ่ายในการแปรรูป/บรรจุถุง ต้นทุนการขนส่งและคลังสินค้า ค่าประกัน ฯลฯ เมื่อคำนวณต้นทุนทั้งหมดแล้ว จะทำให้คุณทราบราคาต้นทุนที่แน่นอน เพื่อกำหนดราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม
3. สร้างกลยุทธ์ที่โดนใจ
การเลือกสินค้ามาจำหน่ายเป็นเรื่องสำคัญ แต่กลยุทธ์การขายก็สำคัญไม่แพ้กัน จะเห็นว่าหลายธุรกิจขายสินค้าแบบเดียวกัน แต่ยอดขายกลับต่างกัน เพราะแต่ละธุรกิจมีกลยุทธ์พิชิตใจลูกค้าที่แตกต่างกัน สำหรับมือใหม่ คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการใช้เทคนิคพื้นฐาน อย่างการสร้างความน่าเชื่อถือของสินค้าต่อกลุ่มเป้าหมาย หรือออกงานแสดงสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และต่อยอดกลยุทธ์สร้างเอกลักษณ์ให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นกว่าธุรกิจอื่นๆ
4. เข้าใจกฎระเบียบของประเทศที่คุณนำเข้าส่งออกสินค้า
แต่ละประเทศมีระเบียบข้อบังคับของการนำเข้าส่งออกสินค้าที่แตกต่างกัน คุณจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจ ทั้งในเรื่องของจำนวน วิธีการ เอกสาร ฯลฯ เพราะหากคุณไม่เข้าใจกฏระเบียบอย่างถ่องแท้ อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจของคุณได้
5. เลือกผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่คุ้มค่า
การขนส่งสินค้า ถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจนำเข้าส่งออก ทั้งในแง่ของความน่าเชื่อถือและกำไร ดังนั้นการเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่เชื่อถือได้ พร้อมมีระบบการบริการที่ทันสมัยและระบบการติดตามสินค้า จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรพิจารณา เพราะการขนส่งแต่ละครั้งหมายถึงจำนวนเงินลงทุนและกำไร โดยเฉพาะผู้ประกอบการมือใหม่ การเลือกผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ให้บริการครบวงจร จะช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากต่าง ๆ เช่น การเตรียมเอกสาร การยื่นขออนุญาต การดำเนินพิธีการกรมศุลกากร การขนส่งสินค้า ฯลฯ
แม้จะเป็นผู้ประกอบการมือใหม่ที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจนำเข้าส่งออก คุณก็สามารถเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ได้ เพียงเข้าใจเคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพการนำเข้าส่งออก
บริการนำเข้าส่งออกจาก SCGJWD
SCGJWD ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบครบวงจร โดยเฉพาะบริการนำเข้าส่งออกสินค้า ด้วยบุคลากรที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ ช่วยตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการบริการที่ครอบคลุม รวดเร็ว ถูกต้องและคุ้มค่า โดยบริการต่างๆ ของ SCGJWD มีดังนี้
- บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเครื่องบิน (Air Transport)
- การขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำ (Charter Flight)
- การขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มลำ (Consolidate Flight)
- การขนส่งสินค้าแบบเร่งด่วน (Courier Service)
- การขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำ (Charter Flight)
- บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ (Sea Transport)
- บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางราง (Rail Transport) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น ประเทศลาว หรือคุนหมิง ประเทศจีน
- บริการขนส่งข้ามแดน (Cross Border Transport) สำหรับกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม รวมไปถึง มาเลเซียเเละจีนตอนใต้
- การจัดทำเอกสารสำหรับการนำเข้าส่งออก (Document Automation)
- การดำเนินพิธีการศุลกากรและการให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องสิทธิประโยชน์แก่ผู้นำเข้าส่งออก
- บริการให้คำปรึกษาระบบงานด้านโลจิสติกส์
ข้อดีของการเลือกใช้บริการนำเข้าส่งออกจาก SCGJWD
1. ลดขั้นตอนความยุ่งยาก
จากการต้องศึกษาหรือทำเอกสารนำเข้าส่งออก หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับพิธีทางกรมศุลกากร รวมทั้งไม่ต้องติดต่อกับหลาย ๆ บริษัท เนื่องจาก SCGJWD ให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ไปจนถึงการขนส่งสินค้า ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาไปกับการติดต่อหลาย ๆ บริษัท เพื่อติดตามการดำเนินการ ซึ่งบางครั้งข้อมูลอาจตกหล่น จนเกิดความผิดพลาดขึ้นได้
2. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
การขนส่งเป็นหนึ่งในต้นทุนของธุรกิจ โดยเฉพาะการขนส่งข้ามแดน การเลือกผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญและเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับ จะช่วยให้การขนส่งราบรื่น ถูกต้องตามกระบวนการของประเทศนั้น ๆ ทำให้สามารถขนส่งสินค้าตรงต่อเวลา ลดความเสียหายของสินค้า เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในอีกทางหนึ่ง
3. ติดตามพิกัดสินค้าได้แบบเรียลไทม์
ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้งาน ตรวจสอบข้อมูลสินค้าได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้การขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่นจนถึงประเทศปลายทาง
บทสรุป
ธุรกิจนำเข้าส่งออก ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ยังคงเปิดกว้างรองรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มองเห็นโอกาสเข้ามาสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัจจุบันที่โลกไร้พรมแดน และการคมนาคมสะดวกสบายยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ นอกจากจำเป็นต้องศึกษาข้อมูล และติดตามเทรนด์ต่าง ๆ เพื่อเลือกสินค้านำเข้าส่งออกที่เป็นที่นิยมแล้ว ยังต้องพิจารณาเลือกบริการนำเข้าส่งออกสินค้าระหว่างประเทศที่เชื่อถือได้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น
หากสนใจบริการนำเข้าส่งออกหรือบริการขนส่งระหว่างประเทศแบบครบวงจร คลิก หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-710-4000 / 02-586-1979 และช่องทางไลน์ LINE : @SCGJWD
ที่มา:
www.tpso.go.th
www.customs.go.th
dataservices.mof.go.th
www.workpointtoday.com
www.thaipbs.or.th