รูปแบบการขนส่งที่ใช้ในการส่งสินค้านำเข้าและส่งออกของไทย

โอกาสทอง ! ปั้นธุรกิจโต ด้วยสินค้านำเข้า-ส่งออกของไทยยอดนิยม

การนำเข้า (Import) คือ การนำสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่สินค้าที่นำเข้าจะเป็นสินค้าที่ไม่มีจำหน่ายในประเทศ ผลิตในประเทศไม่ได้ หรือมีต้นทุนถูก ส่วนการส่งออก (Export) คือ กระบวนการผลิตและจัดส่งสินค้า หรือขายสินค้าและบริการในประเทศไปสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งในการจัดส่งสินค้านำเข้าและส่งออกของไทย มีบริการโลจิสติกส์รองรับหลากหลายประเภท ทั้งทางบก ทางเรือ ทางราง หรือทางอากาศ กล่าวได้ว่าสถิติการนำเข้าและส่งออกสินค้า ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ และเป็นตัวชี้วัดสภาพเศรษฐกิจของประเทศด้วย

สถานการณ์สินค้านำเข้าและส่งออกของไทยปี 2568

ในปี 2568 การค้าไทยฟื้นตัวต่อเนื่องจากปัจจัยหนุนด้านเศรษฐกิจโลกที่เริ่มกลับมาขยายตัวหลังภาวะชะลอตัวจากเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยสูงช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มประเทศคู่ค้าเอเชีย และสหรัฐอเมริกาที่มีออร์เดอร์สินค้ากลับมาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า มูลค่าการส่งออกไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 223,175.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 7,396,314 ล้านบาท ข้อมูลเฉพาะเดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ 27,743.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 889,014 ล้านบาท ขยายตัว 5.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สินค้าที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้นเด่นชัดในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และแผงวงจรไฟฟ้า (PCB), รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, น้ำมันสำเร็จรูปและเคมีภัณฑ์ รวมถึงเครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนกลุ่มสินค้าที่หดตัว ได้แก่ สินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป

ส่วนสินค้านำเข้าของไทยในเดือนสิงหาคม 2568 ยังคงเพิ่มขึ้นตามกิจกรรมภาคการผลิต มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 29,707.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 964,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% YoY จากความต้องการนำเข้าวัตถุดิบและชิ้นส่วนอุตสาหกรรม เช่น น้ำมันดิบและเชื้อเพลิง, เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, แร่โลหะและเคมีภัณฑ์ และก๊าซธรรมชาติและพลังงาน ในขณะที่ภาพรวมมูลค่าการนำเข้า 8 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่า 224,880.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 7,544,896 ล้านบาท

ดาวเด่นสินค้านำเข้าของไทย 10 อันดับ (ข้อมูลถึงเดือนสิงหาคม 2568)

  • น้ำมันดิบและเชื้อเพลิง
  • เครื่องจักรกลและชิ้นส่วน
  • วงจรอิเล็กทรอนิกส์ / IC
  • ก๊าซธรรมชาติ
  • เคมีภัณฑ์
  • แร่และโลหะมีค่า
  • วัสดุก่อสร้าง
  • วัตถุดิบอาหารสัตว์
  • เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก
  • ยานยนต์และส่วนประกอบ

ดาวเด่นสินค้าส่งออกของไทย 10 อันดับ (ข้อมูลถึงเดือนสิงหาคม 2568)

กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม

  • เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และชิ้นส่วน
  • อัญมณีและเครื่องประดับ
  • ผลิตภัณฑ์ยาง
  • เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
  • หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
  • เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
  • เครื่องส่งวิทยุ โทรเลข โทรศัพท์ โทรทัศน์
  • แผงสวิตช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า
  • เคมีภัณฑ์
  • แผงวงจรไฟฟ้าและชิ้นส่วน

กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร

  • ผลไม้กระป๋องและแปรรูป
  • อาหารสัตว์เลี้ยง
  • อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป
  • ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ
  • ยางพารา
  • ไก่แปรรูป
  • ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง
  • ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง
  • เนื้อและส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ที่บริโภคได้
  • นมและผลิตภัณฑ์นม

กล่าวได้ว่าปี 2568 เป็นช่วงที่สินค้าส่งออกของไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะในหมวดอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ผู้ประกอบการควรเร่งปรับตัวตามแนวโน้มตลาดโลก ให้ความสำคัญกับการวางแผนห่วงโซ่อุปทาน และพิจารณาเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เช่น บรรจุภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม ระบบโลจิสติกส์ที่ยืดหยุ่น และการใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ตลาด เพื่อให้ยืนหยัดอยู่ในตลาดได้อย่างมั่นคง

สรุปเทรนด์สินค้านำเข้า-ส่งออกของไทยในปี 2569

ในปี 2569 การค้าโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า มาตรการภาษีของสหรัฐฯ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลก ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านมูลค่าส่งออก สินค้าเป้าหมาย และกลยุทธ์ปรับตัวของภาคธุรกิจไทย


แนวโน้มสินค้าส่งออกของไทยปี 2569

SCB EIC คาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยปี 2569 จะหดตัว -0.3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า

สินค้าที่มีแนวโน้มส่งออกลดลง ได้แก่

  • กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และ Hard Disk Drives คาดว่าหดตัว -10.8%
  • กลุ่มเคมีภัณฑ์และปิโตรเคมี ลดลงต่อเนื่องจากดีมานด์ในจีนและสหรัฐฯ อ่อนแรง

สินค้าที่มีโอกาสส่งออกเติบโต ได้แก่

  • อาหารแปรรูป (โดยเฉพาะผลไม้และเนื้อสัตว์) ตลาด CLMV และตะวันออกกลางขยายตัว
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียใต้ยังมีความต้องการต่อเนื่อง


แนวโน้มสินค้านำเข้าของไทยในปี 2569

การนำเข้ายังขยายตัวในหลายหมวดสินค้า โดยเฉพาะหมวดเพื่อการผลิต 5 สินค้าที่มีแนวโน้มนำเข้าสูงขึ้น ได้แก่

  • วงจรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการประกอบและส่งออกต่อ
  • น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สำหรับโรงกลั่นและอุตสาหกรรมหนัก
  • เครื่องจักรและชิ้นส่วน รองรับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม
  • สินค้าเกษตร เช่น ข้าวสาลี และข้าวโพด
  • วัตถุดิบโลหะ เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง


ประเด็นด้านภาษีการค้าที่กระทบไทยในปี 2569

ในปี 2569 ไทยเผชิญความท้าทายจากกฎแหล่งกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) และภาษี Trans-shipment ที่ประเทศผู้นำเข้าบางแห่งเริ่มเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มจะขึ้นภาษีกับสินค้าที่ส่งออกจากประเทศอาเซียน หากพบว่าไม่มีการผลิตจริงในประเทศต้นทาง


ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ประกอบการ

  • ติดตามมาตรการภาษีการค้าโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกฎแหล่งกำเนิดสินค้า (ROO)
  • วางแผนใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่าน FTA เช่น RCEP, ASEAN
  • ประเมินห่วงโซ่อุปทานใหม่ ให้พร้อมปรับตัวต่อความผันผวน
  • เลือกคู่ค้าและระบบโลจิสติกส์ที่รองรับ Cross-Border และตรวจสอบย้อนกลับแหล่งกำเนิดสินค้า

สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการธุรกิจสินค้านำเข้าและส่งออกของไทยมือใหม่ต้องรู้

หากคุณต้องการเริ่มต้นธุรกิจนำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศให้ราบรื่นและประสบความสำเร็จ มีข้อมูลสำคัญที่คุณจำเป็นต้องศึกษาและเรียนรู้ก่อนจะเริ่มต้นลงทุนทำธุรกิจหลายประการ ดังนี้

1. เข้าใจตลาดและกลุ่มเป้าหมาย

แน่นอนว่าคุณไม่สามารถขายสินค้าให้กับคนทั้งโลกได้ ดังนั้นเมื่อคุณคิดจะเริ่มธุรกิจนำเข้า-ส่งออก สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การหาข้อมูลของตลาดและกลุ่มเป้าหมาย ค้นหาความต้องการ หรือสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยม เพื่อจะได้เตรียมสินค้าและราคาที่เหมาะสมสำหรับตลาดนั้น ๆ

2. รู้วิธีการกำหนดราคาสินค้า

การตั้งราคาที่ถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดผลกำไรของธุรกิจ ซึ่งการตั้งราคาสินค้า ต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ราคาตลาด ค่าใช้จ่ายในการแปรรูปและบรรจุถุง ต้นทุนการขนส่งและคลังสินค้า ค่าประกัน ฯลฯ เมื่อคำนวณต้นทุนทั้งหมดแล้ว จะทำให้คุณทราบราคาต้นทุนที่แน่นอน เพื่อกำหนดราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม

3. สร้างกลยุทธ์ที่โดนใจ

การเลือกสินค้ามาจำหน่ายเป็นเรื่องสำคัญ แต่กลยุทธ์การขายก็สำคัญไม่แพ้กัน จะเห็นว่าหลายธุรกิจขายสินค้าแบบเดียวกัน แต่ยอดขายกลับต่างกัน เพราะแต่ละธุรกิจมีกลยุทธ์พิชิตใจลูกค้าที่แตกต่างกัน สำหรับมือใหม่ คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการใช้เทคนิคพื้นฐาน อย่างการสร้างความน่าเชื่อถือของสินค้าต่อกลุ่มเป้าหมาย หรือออกงานแสดงสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และต่อยอดกลยุทธ์สร้างเอกลักษณ์ให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นกว่าธุรกิจอื่น ๆ

4. เข้าใจกฎระเบียบของประเทศที่คุณนำเข้า-ส่งออกสินค้า

แต่ละประเทศมีระเบียบข้อบังคับของการนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่แตกต่างกัน คุณจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจ ทั้งในเรื่องของจำนวน วิธีการ เอกสาร ฯลฯ เพราะหากคุณไม่เข้าใจกฏระเบียบอย่างถ่องแท้ อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจของคุณได้

5. เลือกผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่คุ้มค่า

การขนส่งสินค้า ถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจนำเข้าส่งออก ทั้งในแง่ของความน่าเชื่อถือและกำไร ดังนั้นการเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่เชื่อถือได้ พร้อมมีระบบการบริการที่ทันสมัยและระบบการติดตามสินค้า จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรพิจารณา เพราะการขนส่งแต่ละครั้งหมายถึงจำนวนเงินลงทุนและกำไร โดยเฉพาะผู้ประกอบการมือใหม่ การเลือกผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ให้บริการครบวงจร จะช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากต่าง ๆ เช่น การเตรียมเอกสาร การยื่นขออนุญาต การดำเนินพิธีการกรมศุลกากร การขนส่งสินค้า ฯลฯ

แม้จะเป็นผู้ประกอบการมือใหม่ที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจนำเข้าส่งออก คุณก็สามารถเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ได้ เพียงเข้าใจเคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพการนำเข้าส่งออก

บริการนำเข้า-ส่งออกจาก SCGJWD ครบจบเรื่องโลจิสติกส์

SCGJWD ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบครบวงจร โดยเฉพาะบริการนำเข้า-ส่งออกสินค้า ด้วยบุคลากรที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ ช่วยตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการบริการที่ครอบคลุม รวดเร็ว ถูกต้องและคุ้มค่า ให้บริการครอบคลุมทุกมิติของระบบโลจิสติกส์ ดังนี้

  • บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเครื่องบิน (Air Transport)
  • การขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำ (Charter Flight)
  • การขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มลำ (Consolidate Flight)
  • การขนส่งสินค้าแบบเร่งด่วน (Courier Service)
  • บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ (Sea Transport)
  • บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางราง (Rail Transport) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น ประเทศลาว หรือคุนหมิง ประเทศจีน
  • บริการขนส่งข้ามแดน (Cross Border Transport) สำหรับกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม รวมไปถึง มาเลเซียและจีนตอนใต้
  • การจัดทำเอกสารสำหรับการนำเข้าส่งออก (Document Automation)
  • การดำเนินพิธีการศุลกากรและการให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องสิทธิประโยชน์แก่ผู้นำเข้าส่งออก
  • บริการให้คำปรึกษาระบบงานด้านโลจิสติกส์

ข้อดีของการเลือกใช้บริการนำเข้า-ส่งออกจาก SCGJWD

1. ลดขั้นตอนความยุ่งยาก

จากการต้องศึกษาหรือทำเอกสารนำเข้า-ส่งออก หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับพิธีทางกรมศุลกากร รวมทั้งไม่ต้องติดต่อกับหลาย ๆ บริษัท เนื่องจาก SCGJWD ให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ไปจนถึงการขนส่งสินค้า ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาไปกับการติดต่อหลาย ๆ บริษัท เพื่อติดตามการดำเนินการ ซึ่งบางครั้งข้อมูลอาจตกหล่น จนเกิดความผิดพลาดขึ้นได้

2. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

การขนส่งเป็นหนึ่งในต้นทุนของธุรกิจ โดยเฉพาะการขนส่งข้ามแดน การเลือกผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญและเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับ จะช่วยให้การขนส่งราบรื่น ถูกต้องตามกระบวนการของประเทศนั้น ๆ ทำให้สามารถขนส่งสินค้าตรงต่อเวลา ลดความเสียหายของสินค้า เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในอีกทางหนึ่ง

3. ติดตามพิกัดสินค้าได้แบบเรียลไทม์

ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้งาน ตรวจสอบข้อมูลสินค้าได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้การขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่นจนถึงประเทศปลายทาง

SCGJWD พาร์ตเนอร์ที่พร้อมอยู่เคียงข้างธุรกิจสินค้านำเข้า-ส่งออกของไทยทุกสถานการณ์

ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ยังคงเปิดกว้างรองรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มองเห็นโอกาสเข้ามาสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัจจุบันที่โลกไร้พรมแดน และการคมนาคมสะดวกสบายยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ นอกจากจำเป็นต้องศึกษาข้อมูล และติดตามเทรนด์ต่าง ๆ เพื่อเลือกสินค้านำเข้าส่งออกที่เป็นที่นิยมแล้ว ยังต้องพิจารณาเลือกบริการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศที่เชื่อถือได้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น

หากสนใจบริการนำเข้า-ส่งออกหรือบริการขนส่งระหว่างประเทศแบบครบวงจรของ SCGJWD สอบถามรายละเอียดบริการ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่


ข้อมูลอ้างอิง 

  • ส่งออกเดือน ส.ค. 68 ขยายตัว 5.8% เติบโตต่อเนื่อง 14 เดือน. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 จาก https://www.moc.go.th/th/gallery/article/detail/id/5/iid/1211
  • พาณิชย์เผย 10 สินค้าออกส่งออกดาวรุ่ง ปี 2568. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 จาก https://www.tpso.go.th/news/2501-0000000009 
  • EIC มองอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยปี 2569 เจอศึกหนัก! เตรียมรับมือ 3 ความเสี่ยง. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 จาก https://thaipublica.org/2025/11/eic-industry-insight-electrical/ 
  • กรุงไทย ชี้ ส่งออกไทยแนวโน้มอ่อนแรง หลังพ้นการเร่งส่งออกหมดลง คาดไตรมาส 4 ชะลอตัว และปี 69 จ่อหดตัว. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 จาก https://btimes.biz/whatsup/กรุงไทย-ชี้-ส่งออกไทยแนว/ 

คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับธุรกิจสินค้านำเข้า-ส่งออกของไทย

[box-content-accordion id="55"]

Service Recommended